สวัสดีคะ

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ^^ ชื่อแนน คะ MSU GM53010914158

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

กำลังใจให้ตัวเอง

.. ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า
แม้แต่คนโง่ที่สุดยังฉลาดในบางเรื่อง
และคนฉลาดที่สุด
ก็ยังโง่ในหลายเรื่อง ..

.. ไม่มีอะไรเสียเวลาไปมากกว่า
การคิดที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีต

ไม่เคยมีอะไรช้าเกินไป
ที่จะทำใหสิ่งที่ตนฝัน ..

.. คนที่ไม่เคยหิว
ย่อมไม่ซาบซึ้งรสของความอิ่ม

ความสำเร็จที่ผ่านความล้มเหลว
ย่อมหอมหวานกว่าเดิม ..

.. อันตรายที่สุดของชีวิตคนเราคือ การคาดหวัง
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
เหตุผลขอคนๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่เหตุผลของคน
อีกคนนึง ถ้าคุณไม่ลองก้าว คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า
ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร
ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง ..

.. คนเรา
ไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง
แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้น
ที่ได้ทำ ..

หัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย
หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทาง .. มากกว่า

กำลังใจ..DD"

การพิสูจน์ตนเองที่ดี อาศัยเวลาและการกระทำ มิใช่อธิบายและเหตุผล

ร่าเริงเป็นยาบำรุง ความหวังเป็นยาบำรุง เมตตาเป็นยาบรรเทา

ด้วยรักที่จะเรียนรู้ ล้มเหลวไม่ใช่เรื่องเลวร้าย มันให้บทเรียนและพิสูจน์ศรัทธา

เราทำงาน อย่าให้งานทำเรา ให้งานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ให้ชีวิตเพียงรู้จักรักการงาน

ชีวิตที่สดชื่นแจ่มใส ก้าวเดินไปด้วยการเรียนรู้ สันโดษอยู่ด้วยการแสวงหา

ผิดพลาดย่อมผิดหวัง คนเราผิดหวังได้เสมอ แต่อย่ายอมอยู่อย่างสิ้นหวัง

ในความว้าเหว่เงียบเหงา เพียงเรารู้จักสงบ เราจะพบตัวเราเอง

รอยร้าวในใจของนักสู้ ไม่ใช่อยู่ที่เคยล้มเหลว แต่อยู่ที่ไม่ยอมเริ่มต้นใหม่

ถ้าใจจะต้องปวดร้าว อย่างไรก็ปวดร้าว เร็วไปวันสองวันจะเป็นไรไป....

แพ้เป็นบันได ชนะเป็นสะพาน ประสบการณ์เป็นบทเรียน

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

เสียใจไม่ใช่เรื่องแปลก (แต่หากเสียใจไม่จบสิ้น นั่นจึง แปลก)






ความอ้างว้างไม่ได้โหดร้ายอะไรนัก
มันก็แค่ช่วง เวลาที่เธอควรใช้มันให้กับตัวเอง
หลังจากที่วุ่นวายไปกับชีวิตคนอื่นมานานพอควร

ถ้าเธอเคยหกล้ม เธอก็จะเดินอย่างระมัดระวังมากขึ้น
ไม่ใช่ คิดจะไม่เดินอีกเลย

บางครั้งคนเรา ก็ต้องยอม รับในสิ่งที่ตัว เองไม่เข้าใจ
และต้องยอมรับในการตัดสินใจของคนอื่น
ถึงมันจะไม่ดีกับเธอ เลยก็ตาม
เพราะเราเลือกแต่เหตุการณ์นี้
ให้เกิดกับชีวิตเราไม่ได้เสมอไป

ความรักก็มีชีวิตเหมือนดอกไม้
และไม่มีแจกันใด จะถนอม ความงามของดอกไม้ไว้ได้ตลอดไปหรอก

ความเสียใจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ หากเสียใจไม่จบสิ้น นั่นจึงแปลก

ในขณะที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ มัน ก็ต้องไม่ลืมที่จะหมุนรอบตัวเอง
ในขณะที่เธอรักใคร เธอก็ต้องไม่ลืมที่ จะรักตัวเอง

หากคนเรามีความรักได้ครั้งเดียวในชีวิต นั่นจึงควรร่ำร้องเมื่อรักได้สูญหาย
แต่ความจริงแล้ว คนเรามีความรักได้หลายพันครั้ง ตลอดทั้งชีวิต

เมื่อเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือใคร นั่นคือสัญญาณ เตือนว่า
เธอควรให้ความสำคัญกับตัวเองได้แล้ว

คนเราสามารถจำอะไรก็ได้
แต่เมื่อจำแล้ว กลับไม่สามารถเลือกที่จะลืมบางส่วนของมันได้
แต่เลือกที่จะนึกถึงมันให้น้อยที่สุดได้

ไม่ว่าความรักจะทำให้วันนี้ของ เธอปวดร้าวยังไง
แค่ครั้งหนึ่ง เธอเคยได้รัก คนที่อยากรัก เธอก็โชคดี มากแล้ว

สำหรับบางคน ถ้าจะรัก ก็ยังไม่เจ็บ
ถ้าเคยรัก ก็แค่เคย เจ็บ แต่ถ้ายังรัก ก็จะยังเจ็บ
ขึ้นอยู่กับว่า เธออยากเป็นแค่คนที่เคย เจ็บ
หรืออยากเป็นคนที่ยังเจ็บอยู่ทุกวัน

เธออาจเคยฝืนใจรับใบ ปลิว ที่แจกตามหน้าห้างสรรพสินค้า
เพราะเกรงใจคนแจกมันและบางที อาจมีคนรับความรักของเธอไป
เพราะเหตุผลอย่างเดียวกัน สุดท้าย เขาก็ทิ้ง มัน
เหมือนกับที่เธอทิ้งใบปลิวนั่นแหละ

คนบางคน เป็นเพื่อนที่ ดีได้ เป็นพี่ที่ดีได้ เป็นน้องที่ดีได้
แต่เป็นคนรักที่ดีไม่ได้ ก็ควร ให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาเป็นได้ และเป็นได้ดี

หลายๆสิ่งในโลกล้วน ถูกสร้างมาให้มีด้านตรงข้าม
มันจึงต้องมีจุดผกผันแปรเปลี่ยน
ความรักก็ มีจุดเปลี่ยนของมัน
จึงเป็นเรื่องจำเป็น ที่เธอต้องยอมรับมันให้ ได้

สำหรับความรักที่ผ่านมา
ควรแยก ให้ได้ว่า อะไรควรจำไว้ประทับใจ
อะไรควรจำไว้เป็นบทเรียน

ค่ำคืน แห่งความเงียบเหงา
ไม่ได้ยาวนานไปกว่าคืนไหนๆหรอก
อีกไม่นานก็เช้า ชีวิตก็วุ่นวายเหมือนเดิมแล้ว

หนังสือเล่มไหนที่อ่านแล้วไม่ถูกใจ
ก็ไม่ต้องกลับไปอ่านรอบสอง
ความทรงจำที่นึกถึงแล้วเจ็บปวด
ก็อย่าไปนึก ถึงมันเป็นครั้งที่สอง

เมื่ออ่อนแอจนถึงที่สุด ความเข้มแข็งจะเข้า มาแทนที่
เมื่อเธออยากให้หัวใจมีความรัก ก็ต้องยินยอมที่จะให้มัน เจ็บปวด
เหมือนเด็กที่อยากจะเดิน ก็ต้องยินยอมที่จะล้มลุกคลุก คลาน

ความรู้สึกสูญเสีย ร้ายแรงเสมอ
สำหรับคนที่ไม่ยอมรับความ จริง

ความเจ็บปวด ไม่ได้ต้องการเวลาเพียงไม่กี่วันในการรักษา
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า เธอจะเลิกเจ็บปวดเมื่อไหร่
แต่มันอยู่ที่ว่า เธอจะใช้ชีวิตในขณะที่ยังเจ็บปวดอย่างไรต่างหาก

คนที่ควรรัก........
อาจไม่ใช่คนที่เธอรัก
อาจไม่ใช่คนที่รักเธอ
อาจไม่ใช่คนที่รักกันมา ก่อน
อาจไม่ใช่คนที่กำลังรักอยู่
อาจไม่ใช่คนที่คิดจะรัก

แต่.....คนที่ ควรรัก.....

อาจเป็นคนที่เธอยังไม่เคยรักเลยก็ได้

ทำไมต้องเรียกร้องความ รักจากคนๆเดียว
ในเมื่อเธอก็มีความรักจากคนรอบข้างมากมาย

ไม่มีความเจ็บปวดครั้งใด ไม่ให้ประโยชน์กับชีวิต
ขึ้นอยู่กับว่า เธอรู้จัก ที่จะใช้ความเจ็บปวดนั้นทำให้เธอเข้มแข็ง
หรือปล่อยให้มันทิ่มแทง จนเจ็บซ้ำ แล้วซ้ำเล่า

การเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นง่ายที่สุด และ ยอมรับได้ยากที่สุด
แต่เมื่อเรายอมรับได้แล้ว มันก็จะเป็นเรื่องธรรมดา ที่สุด

ความรักไม่ได้ทำร้ายใคร แต่คนเรามักใช้มันทำร้ายตัว เอง

เด็กที่เพิ่งหกล้ม อย่าไปถามเขาว่า
เจ็บมากมั้ย หายเจ็บ หรือยัง
นั่นจะทำให้เขายิ่งร้องไห้
หัวใจที่เจ็บปวด ก็อย่าไปถาม ซ้ำๆถึงความเจ็บนั้นเลย

ความเจ็บปวดที่ร้ายแรงที่สุด คือ
ความเจ็บปวดที่เธอเฝ้าคิดถึงแต่มันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถ้าเธอเคยล้ม เธอก็จะเดิน อย่างระมัดระวังมากขึ้น
นั่นเองคือเหตุผลว่า ทำไมคนเราจึงต้องเจ็บปวด เสียบ้าง

ถ้าความรักของเธอเหมือน ดอกไม้ หัวใจเขา เหมือนทะเลทราย
คงเปล่าประโยชน์ นี่เธอจะปลูกดอกไม้ให้ งดงาม ในทะเลทราย

ระหว่างการเดินทาง หากมีเพื่อนร่วมทางสักคน
ก็นับว่าเป็นโชคดีของเธอแล้ว และเมื่อเขาจำเป็นต้องแยกไป
เธอควร ขอบคุณที่เขาร่วมทางมา ไม่ใช่ตัดรอนต่อว่า ที่เขาแยกทางไป

ว่ากันว่า ช่วงชีวิตของคนเรามีจำกัด
ยิ่งใช้เวลาไปกับความเศร้าโศกนานเท่าไหร่
ก็จะเหลือช่วงเวลาที่ดี ลดน้อยลง

ความรักไม่เคยมีอดีต มีแต่ปัจจุบัน





คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...ไม่มีใครไม่เคยมี "อดีต" เพราะ "อดีต" คือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ แต่นำมาเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งที่เราสามารถทำให้ "ปัจจุบัน" ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะกับ "ความรัก" ขณะเดียวกัน ก็ไม่ควรยึดติดกับ "อดีต" จนมันย้อนมาทำร้ายให้เจ็บปวด หากเรายังมัวแต่คิดถึงวันเก่า ๆ เราจะไม่ได้ก้าวไปสู่วันใหม่ ๆ ที่สดใสกว่า

แต่เชื่อว่าก็ยังมีอีกหลายคู่รัก มักหยิบยกเอาเรื่องราวในอดีตของกันและกันมาพูดถึง จนบางครั้งอาจเป็นสาเหตุในการทะเลาะเบาแว้งด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่างเรื่อง "แฟนเก่า" ที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ยังจะนำมาเป็นถกเถียง ประชดประชันกันได้เสมอ รวมไปถึงเรื่อง "ความผิด" ต่าง ๆ นานา เช่น นอกใจ, โกหก ฯลฯ ซึ่งถึงแม้จะให้อภัยกันไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นเรื่องที้ผ่านมานานแล้ว ก็ยังจะไปขุดคุ้ยให้เป็นประเด็นเ้สมอ

ผลสุดท้ายก็ไม่มีใครได้รอยยิ้มจาก "อดีต" หากคุณทั้งคู่นำมันมาใช้อย่างไม่ถูกวิธี และนำมาเปื้อนกับ "ปัจจุบัน" ชีิวิตต้องอยู่กับ "ความจริง" คือ "วันนี้"..."เวลานี้" และ "วินาทีนี้"

"อดีต" เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถ้าคุณมัวแต่ยึดติดกับมันก็เท่ากับทำร้ายตัวเองเปล่า ควรตัดสินกันและกันจาก "ปัจจุบัน" คือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะ "ปัจจุบัน" คือความจริง ณ วินาทีนี้ เพราะฉะนั้น ต้องทำทุกวินาทีให้มีค่า และควรทำความรัก "วันนี้" ให้ดีที่สุด โดยนำ "อดีต"มาเป็นแค่บทเรียน เพื่อ "อนาคต" ที่ทำให้เรายิ้มได้

น่าอ่าน!




ชายคนหนึ่งหยุดรถที่ร้านขายกระเช้าดอกไม้ เตรียมจะสั่งกระเช้าดอกไม้ทางโทรศัพท์ เพื่อให้ทางร้านโทรศัพท์ติดต่อร้านดอกไม้อีกเมืองหนึ่ง ให้ส่งดอกไม้ไปอวยพรวันเกิดแก่แม่ของเขา ที่อยู่ห่างออกไปประมาณสี่ร้อยกิโลเมตร เมื่อเขาลงจากรถยนต์ เขาเห็นเด็กผู้หญิงอายุราว 5 ปี นั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าร้าน จึงเข้าไปถาม “ร้องไห้ทำไมจ้ะ มีอะไรให้ช่วยไหม”

เด็กหญิงตอบทั้งน้ำตาว่า “หนูอยากซื้อดอกกุหลาบสีแดงไปให้แม่ ดอกกุหลาบราคาดอกละห้าบาท แต่หนูมีเงินแค่บาทเดียวเท่านั้นเอง”

ชายคนนั้นยิ้มแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุงจะซื้อให้หนูเอง”

แล้วเขาก็จ่ายเงินห้าสิบบาท ซื้อกุหลาบสีแดงจำนวนสิบดอกให้แก่หนูน้อย แล้วถามว่า

“แล้วตอนนี้แม่ของหนูอยู่ที่ไหน หนูจะพาลุงไปหาแม่ของหนูด้วยได้ไหมล่ะ”

หนูน้อยตอบตกลง บอกว่าแม่ของหนูอยู่ใกล้ร้านขายดอกไม้นิดเดียวเอง เดินไปเดี๋ยวเดียวก็ถึง

เด็กหญิงพาชายใจดี ผู้มีน้ำใจไมตรีออกจากร้าน เดินผ่านเข้าไปในวัดที่อยู่ใกล้ร้าน เข้าถึงศาลา ซึ่งมีศพที่เพิ่งจะเสียชีวิตมาไม่กี่วันตั้งอยู่ หนูน้อยหยิบดอกกุหลาบสีแดงช่อนั้นเข้าไปกราบหน้าศพ ซึ่งมีรูปผู้หญิงยังสาวตั้งอยู่ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น

ชายใจดีเดินกลับมายังร้านดอกไม้แห่งเดิม ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขาบอกยกเลิกการสั่งดอกไม้ทางโทรศัพท์ที่เตรียมส่งไปให้แม่ แต่ซื้อกุหลาบช่อใหญ่ แล้วขับรถใช้เวลาห้าชั่วโมง ตรงไปหาแม่ของเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่ร้อยกิโลเมตรในคืนวันนั้นเอง……

ความหมายของวันวาเลนไทน์….
คงไม่ใช่เพียงแค่การมอบดอกไม้แก่กันหรือซื้อช็อกโกแลตให้เท่านั้น

แต่ความหมายอยู่ที่ตัวคุณเอง
คุณได้เอาใจใส่… คุณได้คอยดูแล…. คุณได้คอยทนุถนอม… คุณได้รดน้ำ… คุณได้พรวนดิน…

คุณได้ใส่ปุ๋ย…ให้กับต้นรักของคุณ… เพียงพอหรือไม่…

และความรักควรออกมาจากข้างใน…ในใจของคุณ
คุณสามารถทำให้ทุกๆ วันของคุณเป็นวันแห่งความรักได้

ความรักที่แท้จริง… อยู่ไม่ไกล… อยู่ในใจคุณ … อยู่ข้าง ๆ กายคุณ

เป็นคนที่รักคุณ… รักคุณมากที่สุด… คือรักจาก …พ่อ.. และแม่…ของคุณเอง..

“เมื่อฉันแก่ตัวลง”



อยากจะมอบเรื่องนี้ให้กับผู้ที่ไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ชิดผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้าน


เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของลุกผู้ชายคนหนึ่ง ที่ตระเวนทั้งเรียนทั้งทำงานไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แม้เขาจะเติบกล้าเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้เพิ่มมากขึ้น โลกใบนี้เริ่มเล็กลง แต่พ่อแม่ที่อยู่บ้านเดิม(ในเมืองจีน)ก็เริ่มแก่ตัวลง

ลูกคนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศ ไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย โชคดีต่อมามีไอพีการ์ด เลยได้คุยสดกันบ้าง ทุกครั้งแม่ก็จะคอยเตือนให้ระวังสุขภาพของตัวเอง ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง... ยิ่งพูดก็ยิ่งซ้ำๆซากๆ เขารู้ดีว่าแม่เริ่มคิดถึงเขามาก

จนกระทั่งปีนี้ แม่อายุ 75 เขาจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่ โดยตั้งใจว่าจะอยู่สัก 1 เดือน จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ

แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ แม่ก็เริ่มเตรียมตัวในการต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้านของลูก แม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม แม่เตรียมรายการอาหารที่ลูกชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ลูกเคยชอบห่มมาปะชุนใหม่... สำหรับคนอายุ 75 เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย



พอกลับถึงบ้าน ตอนอยู่บนเครื่องบิน เคยตั้งใจว่าจะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผอมแห้ง หน้าตาเหี่ยวย่น ช่างไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย...

แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมงเตรียมอาหารที่ลูกเคยชอบ โดยที่หาทราบไม่ว่า เดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดี รสชาติอาหารจึงแย่มากๆ บางจานก็เค็มจัด บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้ ทั้งหนาทั้งหยาบ ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่า เดี๋ยวนี้ลูกนอนห้องแอร์และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว แต่เขาก็ไม่บ่นอะไร เพราะเขาตั้งใจจะกลับมาเป็นเพื่อนแม่จริงๆ

สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ จนไม่มีเวลาพักผ่อน พอเริ่มได้พัก แม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่นสอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น 10กว่าปีก่อนก็เคยพูดแล้ว พอลูกบอกให้ฟังว่า ปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้ว แม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึม



“เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง โดยเฉพาะสายตา อาหารบางจานมีแมลงวันด้วย บางทีอาหารหกบนเตา แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม
ครั้นผมพยายามชวนแม่ไปกินนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่สะอาด ของแปลกปลอมเยอะ เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน แม่ก็โวยวายว่า แม่เองยังสามารถทำงานเลี้ยงดูเด็กให้ผู้อื่นได้เลย ผมเลยพูดไม่ออก พอผมจะออกไปช้อปปิ้ง แม่ก็จะตามไปด้วย ทำเอาวันนั้นทั้งวัน พวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย...”



“พอพวกเราเริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย แม่ก็จะหาว่าพวกเราเพี้ยน ผมก็เริ่มบอกแม่อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆบ้าง... ช่วงครึ่งเดือนหลังที่อยู่กับแม่ ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้น แต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ พอผมขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลง ไม่พูดไม่จา ในตามีแววเหม่อลอย – โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ”



“ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมา ในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้ในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอก แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศเมื่อผมเดินทางไปนอก ทุกครั้งที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ แม่จะตัดข่าวเก็บไว้ ตั้งใจจะมอบให้ผมตอนที่ผมกลับมา แม่พูดอยู่เสมอว่า อยู่นอกบ้านนอกเมือง ต้องระวังตัวให้มากๆ ครั้งหนึ่งมีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้านและข่มเหงคนจีน มีการปะทะกันด้วย แม่เป็นห่วงมาก ถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไร ตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น”



แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมาอย่างยากลำบาก วางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง มันหนักมาก ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจ เพราะผมไม่อยากนำกลับไป
มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ผมรู้ว่าแม่เก็บมันด้วยความยากลำบาก แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย อ่านได้วันละ 2 หน้าก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้
ทันใดนั้นมีข่าวแผ่นหนึ่งปลิวหลุดลงมา แม่รีบเอื้อมไปหยิบ แต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิม แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง

ผมรู้สึกเอะใจ เลยถามว่า “แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ” แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้น แล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที



ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู มันเป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่า “เมื่อฉันแก่ตัวลง” ตัดจากหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004 เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกที บทความนั้นคัดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโก ฉบับเดือนพฤศจิกายน ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบทันที ....



เมื่อฉันแก่ตัวลง ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด

ตอนฉันทำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง ตอนฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า ขอให้คิดถึงตอนแรกๆที่ฉันใช้มือสอนเธอทำทุกอย่าง

ตอนฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆที่เธอรู้สึกเบื่อ ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆซากๆ จนเธอหลับเลย

ตอนฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลยนะยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆ ฉันต้องทั้งออดทั้งปลอบเพื่อให้เธอยอมอาบน้ำได้ไหม

ตอนฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆ อย่าหัวเราะเยาะฉัน จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม “ทำไม ทำไม”ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม

ตอนฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมาช่วยพยุงฉัน เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดินในตอนที่เธอยังเล็กๆ

หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่ ให้เวลาฉันคิดสักนิด ที่จริงสำหรับฉันแล้ว กำลังพูดเรื่องอะไรไม่สำคัญหรอก ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน ฉันก็พอใจแล้ว

ตอนเธอเห็นฉันแก่ตัวลง ไม่ต้องเสียใจ ขอให้เข้าใจฉัน สนับสนุนฉัน ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอตอนเธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่ๆ

ตอนนั้นฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต ตอนนี้ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทาง ให้ความรักและอดทนต่อฉัน

ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ ในรอยยิ้มของฉันมีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ของฉันที่มีให้กับเธอ

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

น้ำผลไม้ที่ควรดื่ม ตามกรุ๊ปเลือด

คนเลือดกรุ๊ปโอ
ส่วนมากจะมีกรดในกระเพาะอาหารสูง สามารถย่อยอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ควรกินอาหารจำพวกแป้งมากเกินไป เพราะจะย่อยยาก เสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคอ้วน

เครื่องดื่มที่เหมาะกับเลือดกรุ๊ปโอคือ

• น้ำสับปะรด
• น้ำลูกพรุน

แต่ไม่ควรดื่มน้ำแอปเปิล น้ำส้ม น้ำกะหล่ำปลี


ความลับของมือถือ ที่เราไม่รู้

ครที่ใช้โทรศัพท์มือถือ ตั้งใจอ่านดีๆ อ่านจบแล้วจะรู้ว่ามือถือไม่ได้มีไว้สำหรับ โทรเข้า-โทรออกเท่านั้น แต่ยังมีเคล็ดลับที่เพื่อนๆ ยังไม่รู้ซ่อนไว้อยู่ ถ้าอยากรู้ว่ามีไรอะไรบ้าง ลองมาดูกัน

1. หมายเลขสากลฉุกเฉิน 112 ใช้ได้ทั่วโลก ถ้าเกิดเราหลงไปอยู่ในเขตที่ไม่มีสัญญาณเลย แต่มีเหตุด่วนเหตุร้ายให้กด 112 แล้วมันจะหาเบอร์ให้เองอัตโนมัติแม้แต่เราล็อคปุ่ม ก็ยังกดเบอร์ นี้ได้ ทีนี้เราก็รอดตายแล้ว

2. ใช้ในกรณีที่ลืมกุญแจไว้ในรถ … สำหรับรถที่ใช้ Remote Key ถ้ารถล็อคไปแล้ว แต่เรามีกุญแจสำรองอยู่ที่บ้าน ให้โทรไปหาคนที่อยู่ที่บ้านด้วยมือถือ (เราต้องโทรไปหาเบอร์มือถือของเขาด้วยนะ) เมื่อเขารับแล้วให้เราบอกเขา ให้กดปุ่ม unlock บนกุญแจสำรอง ในขณะที่เราถือมือถือ ให้ห่างจากประตูรถประมาณ 1 ฟุต
( คนที่อยู่บ้านที่เราวานให้กด ต้องเอากุญแจไปจ่อใกล้กับมือถือของเขาในขณะที่กดปุ่ม) ประตูรถก็จะเปิดออก เหมือนเรากดปุ่มรีโมทด้วยตัวเอง ระยะทางไม่มีปัญหา แม้รถกับบ้านจะอยู่ห่างกันเป็นร้อยๆ กม. ก็ตาม

3. กรณีแบ็ตใกล้จะหมด * 3370# สำหรับมือถือ Nokia ถ้าเกิดถ่านเหลือน้อยเต็มที จนใกล้ดับแต่เราจำเป็นต้องโทรออกให้กด * 3370# มันจะรีดพลังสำรองที่ซ่อนออกมา แล้วแสดงให้เห็นว่า เพิ่มพลังถ่านให้ขึ้นมาอีก 50% และมันจะชดเชยส่วนสำรอง นี้ในการชาร์จแบตครั้งต่อไป

4. ถ้าโทรศัพท์หายต้องการทำให้ใช้ไม่ได้ตลอดไป ในกรณีนี้เราต้องใช้ หมายเลข serial number ประจำเครื่อง ซึ่งมี 15- 17 หน่วย การที่จะทราบหมายเลขนี้ กด * #06# แล้วหมายเลขประจำเครื่อง ก็จะขึ้นมาให้เห็นทันทีเหมือนเล่นกล จดไวแล้วเก็บไว้ให้ดี …. ที่นี้ถ้ามือถือหายหรือตกหล่น
ให้โทรไปที่ศูนย์ แล้วแจ้งหมายเลขให้เขาไป เขาก็จะบล็อคเครื่องของเราให้ แล้วทีนี้มือถือที่หายไปจะใช้ไม่ได้อีกเลย ถึงแม้ว่าคนขโมยไปจะเปลี่ยน sim card มันก็จะยัง ใช้ไม่ได้อยู่ดี แบบนี้สะใจดี โดยเฉพาะพวกที่ชอบโขมยมือถือ ลอง

ความหมายดีๆของคำว่า "รัก




  • 1. คนที่บอกว่าตัวเองมี"รักแท้" คือคนที่ไม่รู้จัก คำว่า “รัก" เลย
  •  
  • 2. ถ้าสีต่างๆคือตัวแทนของความรู้สึก ความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ความรักที่ไม่มีสี แต่กลับเป็นสิ่งที่มีสีเยอะที่สุดบนโลก
  •  
  • 3. ถ้าแผ่น VCD คือ ความรัก คงจะไม่มีเทคโนโลยีใดๆบนโลกที่จะ อ่านมันได้เข้าใจที่สุด
  •  
  • 4. ความรักจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ถ้าเอามาเป็นตัวแทนของคำโกหก
  •  
  • 5. ถ้าเสตอริโอ เป็นความรักของคนคนหนึ่งที่มีให้คุณ จงจำไว้ว่า ถ้าตราบใดที่ คุณ ยังไม่เปิด Volume คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าจริงๆแล้วเขารักคุณหรือไม่
  •  
  • 6. ความรักเป็นบ่อเกิดของความเกลียด แต่จงจำไว้ ถ้าไม่มีเกลียด ก็จะไม่มีรัก
  •  
  • 7. Sex ไม่ใช่การแสดงออกของความรัก แต่เป็นเพียงส่วนประกอบส่วนหนึ่งของความรักเท่านั้น
  •  
  • 8. ทุกครั้งที่คุณด่าคนที่แอบรักคุณว่า "โง่" คุณรู้ไหมว่า คุณ โง่ กว่าเขา 10 เท่า
  •  
  • 9. "คนรักกัน" ก็เหมือนไม้บรรทัด ที่ ทั้งสองด้านมี เรา และ เขายืนอยู่ ถ้าไม่ลองเดินเข้าหากัน มันก็เป็นแค่ "คนที่เห็นหน้ากัน" เท่านั้น
  •  
  • 10. ถ้าความรักเปรียบได้ดั่งไม้บรรทัด ที่ทั้งสองด้านมี เราและ เขายืนอยู่ จงเดินเข้าหากันในระยะที่เท่ากัน อย่าทำให้ความสมดุลของความรัก ต้องหักลง
  •  
  • 11. ในช่วงเวลาที่คุณยืนอยู่คนละด้านของไม้บรรทัดแห่งความรัก.. จงตะโกนใส่เขาเสียบ้าง ให้เขาได้รู้ว่าคุณยังอยู่ตรงนี้ อยู่บนไม้บรรทัดแห่งความรักของกันและกัน
  •  
  • 12. ในห้องนอนห้องหนึ่ง ถ้าคุณผู้ชายบอกเหล่าคุณผู้หญิงว่า "รักแล้วให้ไม่ได้หรอ?" จงจำไว้ว่า มัน "อาจ" จะเป็นการให้ความรักของเขา กลับคืนสู่เขาตลอดไปก็ได้
  •  
  • 13. หัดเชื่อในลมปากของคำโกหกที่เบาๆ ดีกว่าต้องมาเจอการกระทำที่ร้ายแรง
  •  
  • 14. ชีวิตที่ยังมีความหวัง ก็เปรียบได้กับ กลีบ ดอกไม้ ที่ยังล่องลอยอยู่ในอากาศได้ เพราะสายลมที่ชื่อว่า "รัก"
  •  
  • 15. ทุกครั้งที่ผู้หญิงคนหนึ่งเสียความบริสุทธิ์ ให้แก่ผู้ชาย จงจำไว้ว่า ได้เกิดการสูญเสียของสิ่งที่ชื่อว่า "ความไม่ไว้วางใจ" ไปแล้ว และ "ความไว้วางใจ" ได้เข้ามาแทนที่ในหัวใจของผู้หญิงคนนั้นแล้ว
  •  
  • 16. และถ้าเมื่อไหร่ ที่ความ "ไว้วางใจ" นั้นถูกหักหลังลงอย่างร้ายกาจ... สิ่งสุดท้ายที่จะเข้ามาแทนที่ คือ "ความเสียใจอย่างสุดจะหามิได้" นั่นเอง
  •  
  • 17. คนที่คุณรัก อาจไม่ใช่คนที่รักคุณมากที่สุดบนโลกใบนี้
  •  
  • 18. ในช่วงเวลา 1 วินาทีที่คุณคิดจะนอกใจ... เท่ากับคุณกำลังจะให้คนที่รักคุณคนหนึ่งต้องเสียใจไป 1 ปี
  •  
  • 19. ความรักไม่มีนิยามที่ตายตัว ตั้งแต่วันแรกที่มันกำเนิดขึ้นมาบนโลกแล้ว
  •  
  • 20. ถ้าใครที่บอกว่า มันผู้นั้นคือผู้ที่เข้าใจในความรักมากที่สุด คนผู้นั้น ไม่เคยเข้าใจในอะไรเลย
  •  
  • 21. ความรักไม่มีนิยาม แต่มีความหมาย หลากร้อยหลายพัน Species
  •  
  • 22. ไม่มีใครบนโลกสามารถให้นิยามแก่ความรักได้ แต่ ให้นิยามแก่ความรักของ "ตนเอง" ได้
  •  
  • 23. โชคชะตา ไม่ได้เป็นส่วนประกอบที่ทำให้เกิดความรัก แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ความรัก โผล่ขึ้นมาให้คุณได้เห็น
  •  
  • 24. พรหมลิขิต เขียนทุกอย่างขึ้นมาในชีวิตคุณ แต่มันไม่อาจเขียนให้คุณรักใครได้
  •  
  • 25. โชคชะตา กัน พรหมลิขิต เป็นแค่สองสิ่งที่มารวมกัน เพื่อให้คนสองคนได้เจอกันเท่านั้น
  •  
  • 26. ความรักสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่คุณอยากให้เป็น แค่เพียงคุณจะนึกถึงมันออก
  •  
  • 27. 99.99% ของผู้ชายบนโลก รักผู้หญิงที่ภาพรวม ไม่ใช่ความรู้สึก และนิสัย หรือรูปร่างเพียงอย่างเดียว
  •  
  • 28. 99.99% ของผู้หญิงบนโลก ที่จะไม่รักผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลย ให้เธอ
  •  
  • 29. แก้วน้ำ คือตัวอย่างของความรักที่ไม่มีวันเต็ม
  •  
  • 30. ธรรมชาติของผู้ชาย คือ ความรักต่อสิ่งที่สวยงามในผู้หญิง
  •  
  • 31. ธรรมชาติของผู้หญิง คือ ความรักต่อสิ่งที่ตนเองเป็นเจ้าของ
  •  
  • 32. หายากนักที่จะหาคู่รักสักคู่บนโลกที่ ใช้ "Eye Contact" ในการสื่อสารต่อกันได้
  •  
  • 33. ความเร็วของแสง คือ เลขที่เอาไว้แทนค่า ความไวต่อความเจ้าชู้ ของผู้หญิงที่มีต่อผู้ชาย
  •  
  • 34. ความรัก ไม่ใช่ Sex
  •  
  • 35. ความรัก กับ Sex เหมือนกระดาษ 1 แผ่น ที่ ด้านหนึ่ง คือ "ความรัก" และอีกด้านหนึ่ง คือ "Sex" ซึ่งจะทำให้คุณได้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้กันที่สุดนั่นเอง
  •  
  • 36. ความรักที่มากที่สุดที่คุณจะได้จากเพื่อน คือ "เพื่อนรัก" เท่านั้น
  •  
  • 37. คนที่กลัวความรัก คือคนที่กลัวทุกสิ่งบนโลกใบนี้
  •  
  • 38. ความหึงหวง ไม่ใช่การแสดงความเป็นเจ้าของ แต่เป็น ส่วนหนึ่ง ของ คำพูดที่บอกกับอีกคนหนึ่งว่า " ฉันรักเธอนะ และไม่อยากให้เธอไปไหน"
  •  
  • 39. ความรัก เหมือนแม่น้ำที่ ไหล ย้อนกลับได้ ในคืนที่ ความเงียบเหงากัดกร่อนหัวใจจนเกินทน
  •  
  • 40. เหตุผลของการหักหลัง เริ่มมาจาก การที่ "ไม่ได้รักจริง"
  •  
  • 41. เจ็บเร็ว แต่ดีกว่าช้ำนาน
  •  
  • 42. ความรักไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต มันเป็นแค่ประสบการณ์ ถาวร ในความทรงจำ
  •  
  • 43. เลือกที่จะรักมากกว่า เลือกที่จะ หลง
  •  
  • 44. ถ้าใครบอกคุณว่า เขามีความรักเท่า ดวงดาวบนท้องฟ้า ที่ให้คุณ น่ะ.. มันไมได้รวมถึง ดาวหาง กับ ดวงอาทิตย์ ที่จะเก็บไว้ให้คนอื่น ด้วย (แถมใหญ่กว่า ตั้งหลายเท่า )
  •  
  • 45. และถ้าเขาบอกว่ารักคุณเท่ามหาสมุทร เท่านั้นแหละมันได้ที่เก็บซ่อน สิ่งมีชีวิตในน้ำ (แห่งความรัก) ที่ไม่ใช่คุณ เป็นจำนวน หลาย ล้านๆๆ แล้ว
  •  
  • 46. การอกหักคือประสบการณ์แห่งชีวิต
  •  
  • 47. การอกหัก 1 ครั้งดีกว่า การต้องเก็บซ่อนความรักไว้ในใจ ถึง 1 แสนสองหมื่น 4 พัน เท่า
  •  
  • 48. คนที่มีความรัก ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีคู่ครอง แต่ทุกคน มีความรัก ได้เหมือนกัน
  •  
  • 49. ค่ายเพลงแห่งความรักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยคือ Bakery Music
  •  
  • 50. ความเหงา เป็นผลพลอยได้ จาก ความเสียใจที่เกิดจากความรัก
  •  
  • 51. ผู้หญิงควรจะทำหนังสือ “พฤติกรรมแปลกประหลาดในด้านความรักของผู้หญิง" ให้คุณผู้ชาย อ่านเสียบ้างจริงๆ ตามที่ รอน บอก ในหนังสือ Harry Potter เล่ม 5
  •  
  • 52. หนัง หรือ ภาพยนตร์ คือ สื่อที่ถูกนำมาแสดง เรื่องราวของความรักเยอะที่สุด
  •  
  • 53. ไม่มีใครเข้าใจในรูปแบบของความรักของตน เท่าตัวของเราเอง... หรือแม้แต่คนที่รักเรา และ เรารัก
  •  
  • 54. จุดอ่อนที่สุดของผู้หญิงในเรื่องความรักคือ "คิดมาก"
  •  
  • 55. จุดอ่อนที่สุดของผู้ชายในเรื่องความรักคือ "การพยายามใช้โทรจิตบอกเหตุผล แทนคำพูด"
  •  
  • 56. ผู้หญิงไม่ได้มาจากดาวศุกร์ และผู้ชายไม่ได้มาจากดาวอังคาร เพราะความรักของมนุษย์ เกิดขึ้นบนโลก
  •  
  • 57. ผู้ชายจะเลวกว่า ห ม า เมื่อ เชื่อฟังผู้หญิงน้อยกว่า สุนัขนั่นเอง
  •  
  • 58. รัก โลภ โกรธ หลง เป็นสิ่งที่อยู่ด้วยกัน แต่เลือกที่จะเก็บบางอย่างไว้ในใจได้
  •  
  • 59. การโทรศัพท์ไปคุย กับคนรัก เป็นเวลา 18 ช.ม. อาจไม่เท่ากับ SMS ที่ส่งไปทำให้ คนรักยิ้มได้
  •  
  • 60. ไม่มีสูตรใดบนโลกจะเอามาใช้คำนวณได้ว่า คนที่เป็นแฟนเรา รักเราแค่ไหนกัน
  •  
  • 61. ยาที่ดีที่สุดเวลาที่ทะเลาะกับแฟนคือ "การนึกถึง 10 นาทีแรกที่ได้เป็นแฟนกัน"
  •  
  • 62. เมื่อถึงเวลาที่ไม่เข้าใจกัน ไม่มีคำพูดใดๆ ดีกว่า คำว่า "ขอโทษ"
  •  
  • 63. พร่ำบอกรัก พันล้านครั้ง ไม่เท่า บอกรักจากใจ แค่ครั้งเดียว
  •  
  • 64. สำหรับผู้หญิง แหวนที่นิ้วนางซ้าย คือเครื่องหมายแห่งความผูกพัน
  •  
  • 65. สำหรับผู้ชาย แหวนที่นิ้วนางซ้าย คือเครื่องหมายแห่งการตีตรา
  •  
  • 66. คนที่ฆ่าตัวตายเพราะความรัก คือคนที่ไม่เคยเห็นค่าและไม่รู้จักในความรักเลย
  •  
  • 67. บางคนเปรียบผู้หญิง เหมือนหนังสือ ที่รอให้มีคนมาค้นหาอ่าน บางคนอาจเป็นแค่กระดาษเพียงแค่แผ่นเดียว ในขณะที่บางคน อาจเป็นหนังสือ หลายหมื่นหน้าที่จะไม่มีวันอ่านหมด ... แล้วคุณรู้บ้างไหม? ว่า แฟนคุณ อ่านไปถึงหน้าไหนแล้ว???
  •  
  • 68. ไม่มีคน ที่ไม่มีความรัก บนโลก
  •  
  • 69. ทางออกที่ดีที่สุดเมื่อเริ่มจะรัก คือ เชื่อในความรัก ของเขา ให้เท่ากับของเรา
  •  
  • 70. การกอด เป็นการแสดงความรักที่อบอุ่นที่สุด
  •  
  • 71. ความรักกับมิตรภาพ เมื่อนำมาชั่งน้ำหนัก ล้วนเท่ากัน แต่คนที่ทำให้มันแตกต่างกัน คือ การกระทำของคุณ
  •  
  • 72. หนังรักที่ดังและดีที่สุดในประเทศไทยคือ Noting Hill และ My Sassy Girl
  •  
  • 73. เก็บคำว่า "ขอโอกาส" เอาไว้ ถ้าคำว่า "ขอโทษ" ยังไม่หลุดออกจากปากของคุณ
  •  
  • 74. ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบคำว่า "โกหก"
  •  
  • 75. ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบคำว่า "เธอดีเกินไป" และ "เราไปด้วยกันไม่ได้"
  •  
  • 76. เพื่อนกับแฟน มีลักษณะคล้ายๆกัน ในขณะที่ เพื่อนมี มิตรภาพ และ แฟน มี ความรัก
  •  
  • 77. ความรักที่แท้จริง ไม่มีเหตุผล ของการรักกัน
  •  
  • 78. จงอย่าถาม ว่า "รักเราไหม?" แต่จงถามว่า "รักแค่ไหน?"
  •  
  • 79. ความรัก ของพ่อแม่มีอยู่ในทุกที่.. แล้วความรักของเราอยู่ตรงไหน?
  •  
  • 80. อย่าสนใจว่า "เราจะรักกันนานแค่ไหน?" แต่จงคิดว่า "เราจะรักอย่างไร?"
  •  
  • 81. อย่าคิดถึงวันพรุ่งนี้ แต่จงคิดถึง ความรัก ในอีก สิบนาทีข้างหน้า
  •  
  • 82. ถ้ามีอะไร จะสารภาพ อย่ารอให้ กำลังจะตาย แล้ว ค่อยโทรไปบอก
  •  
  • 83. ไม่มีคำว่า "สายไป" สำหรับความรัก มีแต่คำว่า "มันไม่มีทางแล้ว" เท่านั้น
  •  
  • 84. คนพิเศษ ไม่จำเป็นต้องพิเศษ สำหรับใคร แต่ พิเศษสำหรับเรา
  •  
  • 85. ไม่มีความรักที่สมบูรณ์แบบ
  •  
  • 86. ถ้าแค่การพูดคำว่ารัก มันยากนักล่ะก็ จงเก็บความเสียใจ เอาไว้ ตลอดไป ไว้คู่กัน
  •  
  • 87. คุณไม่รู้หรอกว่า เขาจะเป็นเช่นไร จนกว่า คุณจะได้รักเขา
  •  
  • 88. อย่าให้เขา และเรา เป็น คนนำ แต่จงให้ความรักเป็นตัวนำพาไป
  •  
  • 89. อย่า มอง ความรักเป็นแค่คำพูดคำหนึ่ง ให้มอง ความรัก เป็น คำที่มีความหมายสำหรับเรา
  •  
  • 90. ไม่มีใครรู้จักอีกฝ่ายหนึ่งได้ภายในวันเดียว ไม่งั้น คุณคงต้องต่อสายเสียบปลั๊ก แล้ว ดาว์นโหลด ข้อมูลจากอีกฝ่ายมา 91. ความรักที่อยู่ห่างไกลกันไม่มีในโลกยุคนี้ ถ้าคุณ ยังรู้จัก โทรหา ส่ง Mail หรือ SMS ให้แก่กันบ้าง
  •  
  • 92. ความคิดถึง เกิด ขึ้นเพราะ ความรักที่ไม่มีที่ระบาย.. และเป็นเพียง ส่วนประกอบเล็กๆ น้อยๆของความรัก
  •  
  • 93. จงอย่าพูดว่า "แค่นี้หรือ?" ... และ "เท่านี้หรือ?" จงพูดว่า "นี่คือเหตุผลหรือ?"
  •  
  • 94. พื้นฐานของความรักที่ดี ประกอบ ด้วย "ความเชื่อใจ" "ความเข้าใจ" และ "การตัดสินใจ"
  •  
  • 95. ทุกครั้งที่คุณจะถามอะไร กับคนรัก จงยอบรับและทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาจะตอบเสียก่อน
  •  
  • 96. ของขวัญ ในทุกโอกาส ไม่ใช่ตัววัดระดับความรัก แต่เป็นการแสดงออกรูปแบบหนึ่ง
  •  
  • 97. ความผิดพลาดในความรัก มันจะเป็นแค่บทเรียน ถ้าทำความเข้าใจมัน
  •  
  • 98. จงเชื่อในความรัก ก่อนที่จะ เชื่อในเหตุผล
  •  
  • 99. สุดท้าย ความรัก ไม่ใช่สิ่งที่สวยงามหรือไม่สวยงาม ไม่ใช่ สิ่งที่ดี หรือไม่ดี ไม่ใช่ ดอกไม้ ไม่ใช่ภูเขา ไม่ใช่ท้องฟ้า ไม่ใช่ สายลม และพายุ ไม่ใช่ ใครสักคน ไม่ใช่หนังสือ ไม่ใช่ซีดี ไม่ใช่คำพูด หรือ การกระทำ ไม่ใช่ ชีวิต ไม่ใช่ สิ่งของ และไม่ใช่โลกใบนี้..แต่มันเป็น เพียงความรู้สึกดีดีสำหรับ คนที่รักเท่านั้น


คนเราก็แปลกดีนะ

ในเมื่อรักกัน

ไม่เข้าใจ ทำไมจึงไม่พูดความจริงต่อกัน....

ถ้าให้เลือกระหว่างการพูดความจริงออกมา

กับการสร้างเรื่องขึ้น โดยหวังเพื่อจะให้คนที่คุณบอกว่ารักนั้นสบายใจ

สิ่งไหนจะง่ายกว่ากัน...

ความจริง อาจดูเหมือนเจ็บปวด แต่มันก้อคือความจริง

ความจริงอาจเจ็บ แต่ความจริงจะไม่มีวันทำร้ายเรา...

อย่าคิดแทนคนอื่น อย่าคิดแทนคนที่คุณแต่งเรื่องขึ้นเพื่อหลอกให้เค้าสบายใจ

อย่าคิดว่าเค้าจะทนรับฟังความจริงไม่ได้

อย่าคิดว่าเค้าจะมีเหตุผลไม่เพียงพอ ที่จะรับฟังในสิ่งที่คุณต้องการจะพูด

ความจริงอาจเจ็บ อาจไม่ถูกใจใครทุกคน

แต่ความจริงจะเป็นบทพิสูจน์ถึงความจริงใจที่คุณมอบให้กับเค้า

อย่าหลอกเค้าด้วยคำพูดที่ทำให้เค้าสบายใจ คุณกำลังดูถูกความจริงใจของเค้า

และความจริงใจของทุก ๆ คนที่เป็นห่วงคุณ ... ที่รักคุณ

คุณรู้มั้ย หากคุณโกหกทุกคนที่รัก และห่วงใยคุณ

และพวกเขาได้รับรู้ความจริงในภายหลัง

ผลลัพท์มันจะเป็นเช่นไร...

พวกเขาจะรู้สึกต่อคุณ จะมองคุณอย่างไร

เขาจะเชื่อในสิ่งที่คุณต้องการจะบอกอีกหรือไม่

ไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นผลดีกับตัวคุณเลย

นี่คือความเป็นจริง เป็นสัจธรรมบนโลกใบนี้

อย่าทำลายความจริงใจของคนที่รักและเป็นห่วงคุณ

ด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่า ต้องการทำให้เค้าสบายใจ

อย่าคิดแทนเค้า... อย่าคิดว่าเหตุผลของคุณถูกต้องที่สุด

ความจริงต่างหากที่ถูกต้องที่สุด และไม่มีใครหลีกหนีไปได้

เหมือนดังคำพูดที่ว่า "ความลับไม่มีในโลก"

และเช่นเดียวกัน คนที่กล้าเพียงพอที่จะพูดในสิ่งที่เป็นความเป็นจริงต่อคุณ

นั่นเป็นเพราะเค้าหวังดีต่อคุณ และรักคุณมาก

และเพราะความปรารถนาดีอย่างบริสุทธิ์ใจ

เค้ากล้าที่จะพูดกับคุณ ถึงแม้จะรู้ว่า มันอาจจะทำให้คุณไม่ชอบเค้าก็ตาม

จงจำไว้เสมอ...

ความจริงอาจเจ็บปวด อาจไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนต้องการรับฟัง


 



หนึ่งคำ.....มาจากความรู้สึกทั้งหมดที่มี...
อีกหนึ่งคำ....มาจากความรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำ...


" รัก "


คำนี้จะมากด้วยความหมาย...
...ถ้าออกมาจาก " หัวใจ " ...จริงๆ..


เอ่ยคำๆนี้ ให้คนของใจ มากแค่ไหนกัน?
บางคนเก็บไว้.....ทั้งๆที่อีกฝ่ายต้องการที่จะได้ยิน...
บางคนบอกบ่อยเกินไป...จนอีกฝ่ายรู้สึกว่า ง่ายเกิน

บอกรักแค่ไหนกัน ถึงจะพอดี...
คิดว่า.....คงต้องดู"คนของใจ"เป็นสำคัญ
ความใส่ใจในตัวเขาทั้งการกระทำและความรู้สึก...
....จะทำให้เรารู้จักเขาเป็นอย่างดี...
และก็จะรู้ว่าเราควรจะบอกรักได้บ่อยมากแค่ไหน ?


บางทีความใส่ใจเล็กๆน้อยๆ..ที่หลายคนมองข้ามไป
อาจกลายเป็นส่วนที่ทำให้เขาประทับใจในตัวเรา
...แบบไม่มีวันลืมก็ได้...

" ขอโทษ "

คำนี้เป็นคำที่สามารถสานสายสัมพันธ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์
ไม่เข้าใจกัน....ขอโทษเพื่อปรับความเข้าใจกัน...
เข้าใจผิดกัน...ขอโทษพร้อมอธิบาย...ไม่ใช่คำแก้ตัว


เช่นกันกับคำว่ารัก..ถ้าออกมาจาก " หัวใจ "จริงๆ
ถ้าไม่บอกบ่อยครั้ง....จนเกินความพอดี กลายเป็นความผิดซ้ำๆ
ถ้าไม่เคยเอ่ยออกมาเลย.....เพราะทิฐิที่มีต่อกัน

...ฉันรู้แต่ว่า.....ถ้าฉันทำให้เขาโกรธ...
...ฉันจะขอโทษ.....และอธิบายให้เข้าใจ
...ฉันจะพูดเพื่อความเข้าใจกัน....
....ฉันจะพูดเพื่อความรักของเรา....


กว่าจะคบกันมาได้นานและรักกันได้
ถ้าต้องจบลงเพราะเรื่องเดิมๆ แต่ละเลยที่จะปรับความเข้าใจกัน
คงต้องถามตัวเองแล้วว่า
นี่เราไม่ได้รักเขาหรือ...เราไม่ได้ใส่ใจความรักของเราเหรอ
เพียงแต่พูดคำว่า"ขอโทษ"พร้อมกับ " คำอธิบาย " ไม่กี่ประโยค
ทำไม่ได้เหรอไง ??


ความผิดที่มากมาย..และเราก็รู้สึกผิดมากเช่นกันนั้น
บางครั้งก็สามารถแก้ได้ด้วยคำว่า " ขอโทษ " เพียงคำเดียว

หากเอ่ยคำว่า " ขอโทษ " แล้วได้รับโอกาสแก้ไขความผิด!!
ลงมือแก้ไขซะนับตั้งแต่วินาทีนั้น .. ก่อนที่มันจะสายเกินไป !!

จนคำว่า " ขอโทษ " มันไม่มีความหมาย และไม่ได้รับ " การให้อภัย " อีกเลย...

ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแล้วว่า...


จะใช้คำว่า " รัก " และ " ขอโทษ "
ให้ " มากค่า " แค่ไหน... ระหว่างใจ 2 ใจ ...
ให้บ่อยครั้งมากแค่ไหน...ในช่วงเวลาที่คบกัน
แต่เชื่อเถอะว่า...คำ 2 คำ นี้....
...ให้ผลทางบวกระหว่างคน 2 คน ได้เป็นอย่างดี..

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

เพื่อนรัก..คนสนิท

เพื่อนรัก..คนสนิท


 มิตรภาพเป็นสิ่งที่งดงามเสมอ
คนที่เคียงข้างเราเสมอเมื่อเราต้องการคำปลอบโยน
ให้ทางออกในยามที่ความคิดมืดบอด
เล่าความลับให้ฟัง โดยไม่ต้องระแวงว่าจะถูกหักหลังเมื่อไหร่
เพื่อนที่รู้ใจ เพื่อนรัก ที่พร้อมจะก้าวไปกับเรา
ทำแต่เรื่องบ้าๆบอๆเหมือนเราเพราะเป็นเพื่อนเรา
กอดคอกัน ร้องไห้ หัวเราะด้วยกัน
ไม่ว่าจะผ่านเรื่องราวเลวร้ายเท่าไหร่ โกรธกันมากเท่าไหร่
แต่สุดท้ายเราก็ยังคงหันมาหากัน
พร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะดังๆแก้เขิน
แม้จะไม่กล้าขอโทษได้ตรงๆ
เวลาเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับมิตรภาพระหว่างเรา
ที่เพิ่มขึ้นตามกาลเวลาและรอยตีนกาบนใบหน้า

เพื่อนทำให้เรายิ้มเสมอทุกครั้งเมื่อนึกถึง
ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่เราจะยังจดจำรายละเอียดของความทรงจำได้เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน
ใครบางคนคอยส่งกระดาษทิชชู
คอยเช็ดน้ำตาและคราบขี้มูกของคนขี้แย
ลูบหลังให้อ้วกแตกอ้วกแตนตรงสี่แยกวันที่ผิดหวังและเมาความรัก เป็นเดือดเป็นร้อนกับความทุกข์ของเพื่อน
เหมือนตัวเองเป็นคนเจ็บปวดซะเอง
เรียนด้วยกัน โดดเรียนด้วยกัน
คอยสนับสนุนในทัศนคติที่บังเอิญตรงกัน
ซึ่งไม่เข้าท่าในความคิดของคนบางคน
เลยเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้เราไม่ต้องทะเลาะกัน
ในหลายๆเรื่องที่ผ่านเข้ามา
เพื่อนผู้ที่ให้ความเห็นที่เราต้องการได้อย่างตรงมาตรงไป
ระยะเวลาเป็นตัวแปรสำคัญ
ที่ทำให้ความผูกพันของเราค่อยๆถูกถักทอให้แน่นแฟ้นขึ้น
ด้วยความรัก ความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ การให้อภัย ความมีน้ำใจ
การปรับตัวเข้าหากันและความสม่ำเสมอในการแสดงตัวตนอันแท้จริง
ที่ไม่มีการหลอกลวงหรือการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน
ในการเข้าสังคม

เพื่อน....ดีตรงที่เป็นความสัมพันธ์แบบทางสายกลาง
ไม่ตึงหรือไม่หย่อนจนเกินไป ไม่เรียกร้อง
แต่ต้องการให้เพื่อนมีความสุขโดยไม่มีเจตนาแอบแฝง
ความสัมพันธ์ระยะยาวที่ไม่มีหมดสัญญาแล้วต้องต่อใหม่
ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจเพียงแค่มีใจจริงที่จริงใจให้แก่กัน
แม้จะไม่พบเจอกันนานเท่าไร
แต่เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนคนเดิมของเราอยู่เสมอ......เพื่อนรักคนสนิท

เพื่อน..

เ พื่ อ น แ ท้

เพื่อนทั่วไปไม่เคยเห็นคุณร้องไห้ เพื่อนแท้มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาคุณ

เพื่อนทั่วไปจะไม่รู้ชื่อพ่อแม่ของคุณ เพื่อนแท้จะมีเบอร์ของท่านไว้ในสมุดจดโทรศัพท์ของเขา

เพื่อนทั่วไปจะถือขวดไวน์ติดมือมางานปาร์ตี้ของคุณ เพื่อนแท้จะมาแต่วันเพื่อช่วยเตรียมงาน

เพื่อนทั่วไปอยากคุยกับคุณถึงปัญหาของเขา เพื่อนแท้อยากช่วยปัดเป่าปัญหาของคุณออกไป

เพื่อนทั่วไปจะพิศวงในเรื่องโรแมนติกเก่าๆ เพื่อนแท้สามารถเอาเรื่องนี้มาอำคุณได้

เพื่อนทั่วไปเวลามาเยี่ยมคุณจะทำตัวเยี่ยงแขก เพื่อนแท้จะตรงรี่ไปเปิดตู้เย็นและบริการตนเอง

เพื่อนทั่วไปคิดว่ามิตรภาพจบลงเมื่อเกิดการทะเลาะถกเถียง เพื่อนแท้รู้ดีว่านั่นจะมิใช่มิตรภาพ จนกว่าคุณได้เคยวิวาทกัน

เพื่อนทั่วไปคาดหวังให้คุณอยู่เคียงข้างเขาเสมอ เพื่อนแท้คาดหวังที่จะอยู่เคียงคุณตลอดไป

เพื่อนทั่วไปจะอ่านข้อความนี้แล้วโยนลงถังขยะ เพื่อนแท้จะเฝ้าส่งต่อๆไป จนกว่าจะมั่นใจว่ามันได้ถึงมือผู้รับ ส่งผ่านให้ใครก็ได้ที่คุณห่วงใย หากคุณได้รับมันกลับมา นั่นหมายว่าคุณได้พบเพื่อนแท้แล้ว

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

อ่านบทความนี้นานมาแล้วและรู้สึกชอบ

...คุณคงดีใจหากว่าเช้าวันหนึ่งจะมีดอกกุหลาบสักดอกมาวางอยู่บนโต๊ะทำงาน
นั่นแสดงว่ามีคนตาถึงมองเห็นเสน่ห์และความน่ารักในตัวคุณ
แต่ฉันนี่สิ พวงมาลัยสีขาวบริสุทธิ์ที่ส่งกลิ่นหอมของดอกมะลิที่วางอยู่บนโต๊ะฉันทำเอาฉันเป็นตัวตลกของเพื่อนร่วมงานไปโดยปริยาย
คนที่เอาพวงมาลัยมาวางให้ฉันทุกเช้าเป็นวิศวกรในแผนกวางแผน ฉันไม่ รู้จักเขามากนัก แต่เพื่อนๆในแผนกฉันพูดถึงเขาว่าเป็นคนไม่ค่อยเต็ม ออกจะขวางโลกนิดๆ
ฐานะทางบ้านจัดว่าดีทีเดียว แต่ตัวเองงกชะมัด เดิมเขาขับสปอร์ตคันหรูมาทำงาน
ทำเอาสาวๆในบริษัทเก็บเอาไปฝันอยากเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเขากันหลายคน แต่อยู่ดีๆเขากลับนั่งรถเมล์มาทำงานเสียเฉยๆ
ทำให้สาวๆ เหล่านั้นค่อยถอนตัวไปทีละคนสองคนจนไม่เหลือใคร
ถึงฉันจะเป็นพนักงานบัญชีและเห็นด้วยกับมาตรการประหยัดของเขาแต่ แค่ดอกกุหลาบสักดอกคงไม่ได้แพงไปกว่าพวงมาลัยสักเท่าไรละมัง

วันนี้ฉันมาทำงานเช้ากว่าปกติซึ่งทางหัวหน้าของฉันขอร้องมาสำหรับเช้าวันจันทร์
เพื่อมารับรายงานจากฝ่ายต่างๆ และเตรียมรายงานให้เสร็จก่อนเก้าโมง เช้า
ทำเอาฉันต้องรองท้องด้วยกาแฟเพียงแก้วเดียวสำหรับมื้อเช้า มื้อที่สำคัญที่สุดของวัน แต่ก็ทำให้ฉันได้มีโอกาสเจอวิศวกรคนนั้น
คนที่เอาพวงมาลัยมาวางที่โต๊ะฉันทุกเช้า
เสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวที่ถูกม้วนขึ้นไปจนเกือบถึงข้อศอกทำให้เขาดูทะมัดทะแมงขึ้น นั่นคงเพราะต้องโหนรถเมล์มาละมัง เขาทำท่าลังเลอยู่หน่อย
เมื่อพบว่าฉันมาทำงานแต่เช้า ก่อ'ขอบคุณค่ะ หอมจัง' ฉันบอกเขาไป
'คุณชอบมันจริงๆเหรอ' เขาถามกลับ
ฉันยิ้มให้ เขาควรจะไปตีความเอาเอง ว่าผู้หญิงหน้าตาน่ารักอย่างฉันเหมาะกับพวงมาลัยไหม
'ดีใจที่คุณชอบ'
อ้าว ... นี่เขาเป็นวิศวกรจริงๆหรือเปล่านะ ไม่ฉลาดเอาเสียเลย
'ทำไมวันนี้มาแต่เช้าล่ะครับ' เขาชวนคุย
'พอดี พี่วรรณขอให้มาก่อนเวลาในทุกวันจันทร์น่ะค่ะ' ฉันตอบ
'ถ้างั้นคุณคงไม่มีเวลาทานข้าวเช้า'
ฉันยกแก้วกาแฟให้เขาดูแทนคำตอบ เขาทำสีหน้าครุ่นคิด นี่คงไม่ได้กำลังคิดหรอกนะว่าฉันจะได้พลังงานจากกาแฟแก้วนี้กี่แคลอรี่ และเพียงพอกับการทำงานของฉันในช่วงเช้าหรือเปล่า
'แล้วทำไมมาเช้าจังล่ะคะ' ฉันถามเขา
'ผมต้องต่อรถเมล์ มาน่ะครับ ถ้ามาสายรถจะติด'
'แล้วรถคันเดิมไปไหนแล้วคะ'
'ผมจอดไว้ที่หอพักเพื่อนแล้วขึ้นรถเมล์มาครับ สะดวกกว่า และได้ทำธุระด้วย' เขาบอก
ธุระอะไรของเขานะ ที่ต้องทำแต่เช้าเชียว หรือจะใส่บาตร แต่ฉันก็ไม่ได้ถามเขาไปหรอก
'หอพักเพื่อนคุณ อยู่ใกล้เหรอคะ' ฉันถามเขาเพราะอยากหาที่พักใกล้ที่ทำงานมากขึ้น สนองนโยบายรัฐ
'ต่อรถเมล์มานี่ก็สองต่อเองครับใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที'
'พอมีเบอร์ติดต่อไหมคะ'
'ผมพาไปได้ ถ้าคุณสนใจ' เขาบอก
'ค่ะ' ฉันตอบ ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับไปทำงาน
ก่อนจะเดินเข้ามาและวางพวงมาลัยบนโต๊ะฉันอย่างเงียบๆ
จากนั้นในทุกวันจันทร์ บนโต๊ะของฉันนอกจากจะมีพวงมาลัยดอกมะลิแล้วยังมีข้าวต้มมัดเพิ่มมาด้วยอีกหนึ่งอย่าง ข้าวต้มมัดกับกาแฟ ดูท่าเขาจะเป็นคนขวางโลกจริงๆเสียแล้วสิ
เพื่อนสาวในแผนกฉันหลายคนได้รับดอกกุหลาบ
บางคนมีขนมปัง โดนัท หรือมิฉะนั้นก็เป็นปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้
จากหนุ่มๆที่ตา ถึงและพากันมาเกาะแกะกับสาวๆแผนกบัญชี บอกตรงๆว่าฉันก็อายอยู่ไม่น้อยกับรสนิยมของเขา
แต่เพราะ บุคลิกที่เงียบขรึม ท่าทางจริงจัง และรอยยิ้มที่อ่อนโยนนั้นทำให้ฉันปฏิเสธเขาไม่ลง
ไม่รู้ว่าเพราะฉันกลัวเขาจะเสียน้ำใจ หรือเพราะชอบเขาขึ้นมาแล้วกันแน่
'ช่วยเขียนแผนที่กับเบอร์ติดต่อหอพักที่ว่าให้หน่อยได้ไหมคะ' ฉันบอกเขาในวันหนึ่ง
'ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเย็นนี้ผมพาไปดู' เขาบอก
'ขอบคุณค่ะ' ฉันตอบ และเย็นนั้น เขาพาฉันขึ้นรถเมล์จากป้ายใกล้ๆบริษัทและไปต่อรถเมล์อีกสายหนึ่งในป้ายถัดไป ก่อนจะไปถึงหอพักที่ว่าโดยใช้เวลาไม่เกินสามสิบนาที
'ใกล้จริงๆด้วยค่ะ' ฉันบอกเขา
จากนั้นเขาพาฉันไปดูห้องตัวอย่างก็ห้องเพื่อนเขานั่นล่ะ ฉันตกลงใจที่จะย้ายมาอยู่ในเดือนหน้าและวางเงินมัดจำไปก่อน
'เย็นนี้คุณรีบไปไหนหรือเปล่า' เขาถาม
'ไม่ค่ะ' ฉันตอบ แอบคิดไปว่าเขาคงชวนทานข้าวละมัง
'ทานข้าวกับผมนะ' เขาชวนจริงๆ ฉันยิ้ม อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะพาฉันไปทานที่ไหน คนที่ชอบ ข้าวต้มมัดกับพวงมาลัยจะมีรสนิยมเรื่องอาหารยังไงนะ แต่ก็ได้ยินเสียงตัวเองตอบตกลงกับเขา
ร้านที่เขาพามาเป็นร้านอาหารบรรยากาศดี ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ เหมือนสวนหลังบ้านเสียมากกว่าร้านอาหาร ดูเขาจะคุ้นเคยกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี
'เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วครับ' เขาบอกเมื่อเห็นสายตาสงสัยของฉัน เสียงเพลงไพเราะจากวงดนตรีที่มีเครื่องดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้นนั่นทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย
'ไม่รู้ว่ามีร้านแบบนี้อยู่ด้วย' ฉันพูดกับเขา
'ผมมาที่นี่บ่อยๆ' เขาบอก ฉันต้องแอบมองเขาด้วยความสงสัย ความจริงเขาก็ไม่ได้ถึงกับประหยัดอะไรมากมาย แต่ทำไมถึงเป็น พวงมาลัยและข้าวต้มมัดนะ ฉันแอบยิ้ม
'คุณยิ้มทำไม' แย่จริง เขาจับได้
ก่อนที่เขาจะเรียกเด็กหญิงที่ขายดอกกุหลาบมาและซื้อให้ฉันดอกหนึ่ง ทำเอาหัวใจฉันพองโต และนำกุหลาบดอกนั้นกลับมาทับด้วยหนังสือเล่มหนาที่หัวเตียง



วันนี้ฉันย้ายหอพักวันแรก ฉันตัดสินใจออกจากหอเช้ากว่าที่ควรจะเป็น
อยากมีเวลาในการสำรวจเส้นทางก่อน แม้ว่าเขาบอกว่าจะมารับฉันและไปทำงานพร้อมกัน
ฉันขึ้นรถเมล์จากป้ายใกล้ๆหอพักและลงเพื่อต่อรถอีกสาย ที่ป้ายรถเมล์กลาง เส้นทางนั้นฉันเห็นคุณยายหลังค่อมนั่งร้อยพวงมาลัยอยู่
พวงมาลัยดอกมะลิ ขาวสะอาดตา เขาคงซื้อจากที่นี่ทุกวัน ฉันคิด ฉันเดินเข้าใกล้และพบว่า คุณยาย คนนั้นขาพิการ
คุณยายเล่าว่าทุกๆเช้าจะมีเพื่อนบ้านที่มาทำงานแถวนี้พาคุณยาย และหลานมาขายพวงมาลัยที่นี่และรอรับกลับในช่วงบ่าย
ฉันอมยิ้มกับความอ่อนโยนของเขา นี่ละมังเหตุผลที่เขาขึ้นรถเมล์ไปทำงานและซื้อพวงมาลัยให้ฉันทุกเช้า
'ขายยังไงจ๊ะ' ฉันถามคุณยาย
'พวงละยี่สิบบาท'
ฉันยื่นธนบัตรฉบับละร้อยให้กับคุณยาย
'เอาพวงนึง ไม่ต้องทอนจ๊ะ'
'งั้นไม่ขาย ฉันไม่ใช่ขอทาน' คุณยายบอก พร้อมกับมองหน้าฉัน ซึ่งรู้สึกว่าหน้าตัวเองชาไปในทันที
'หนูขอโทษ' ฉันพนมมือไหว้ ก่อนที่คุณยายจะยิ้มตอบ
'ไม่เป็นไร หนูทำให้ฉันนึกถึงผู้ชายอีกคน' คุณยายเล่า 'เขาทำแบบหนู แต่ให้แบงค์พัน ยายก็ดุเขาไปเหมือนกัน' คุณยายเล่าต่อ
'แล้วเขาทำยังไงคะ' ฉันถาม
'เขาขอโทษ และซื้อพวงมาลัยวันละพวงแทน บางทีก็ซื้อข้าวต้มมัดของหลานยายด้วย นี่ใกล้จะมาแล้ว' คุณยายบอก
'เขาบอกว่าซื้อไปให้แฟน ฉันยังถามเขาเลยว่าสาวๆที่ไหนจะชอบ มีแต่คนแก่ ที่ชอบพวงมาลัย'คุณยายเล่า โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าหัวคิ้วฉันแทบจะชนกันอยู่แล้ว
'แต่เขาบอกว่าแฟนเขาชอบ' คุณยายเล่าต่อ ทำเอาฉันหน้าแดงขึ้นมาทันที
ใครบอกว่าฉันเป็นแฟนนาย....
'อ้าว คุณ ทำไมออกมาก่อนล่ะ' เสียงทุ้มๆดังขึ้นด้านหลังของฉัน ฉันแกลังทำ เป็นไม่ได้ยินไปอย่างนั้น เพราะขืนฉันหันไปตอนนี้ คงซ่อนหน้าแดงๆ นี้ไม่ได้
'คุณยาย นี่แฟนผม' เขาว่า ฉันตีต้นแขนเขาทันทีเหมือนกัน
'พวงมาลัย พวงนึงครับ' เขาบอกก่อนจะหยิบธนบัตรใบละยี่สิบให้คุณยาย ส่วนฉัน หันไปคุยกับเด็กหญิงตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ
'ข้าวต้มมัดขายยังไงคะ'
'มัดละห้าบาทค่ะ' เธอบอก
'งั้นเอายี่สิบบาทด้วยค่ะ' ฉันบอกพร้อมกับยื่นสตางค์ให้โดยมีเขายืนยิ้มอยู่ข้างๆ
'แสดงว่าที่ผมซื้อไปคุณทานไม่อิ่ม เพราะผมซื้อแค่สิบบาทเอง' เขาพูด
'อิ่มย่ะ' ฉันเถียง เขาทำท่าจะพูดอะไรต่อแต่ก็ไม่เถียงฉัน ก่อนที่เราจะขึ้นรถเมล์มาทำงานด้วยกัน
'พวงมาลัยของคุณ ' เขาบอกพร้อมกับยื่นพวงมาลัยสีขาวสะอาดตานั้นให้ฉันเมื่อเดินมาส่งฉันที่โต๊ะ
'ข้าวต้มมัดของคุณ' ฉันแบ่งข้าวต้มมัดในถุงให้เขา
'อ้าว' เขาร้อง
'ไม่ชอบเหรอคะ' ฉันถามเขายิ้มๆ
'ยังไม่เคยลองทานเลยครับ อร่อยไหม' เขาตอบกลับทำเอาฉันคิ้วขมวด นี่ฉันกลายเป็นหนูลองยาให้เขาหรือนี่
'แต่ก็คงอร่อย เพราะคุณทานหมดทุกครั้ง' เขาตอบก่อนจะรับถุงข้าวต้มมัดไปจากมือ จงใจให้ปลายนิ้วสัมผัสกันนิดหนึ่ง
'กลับบ้านพร้อมกันนะ' เขาชวน
'ค่ะ' ฉันยิ้มให้ และตอบออกไปอย่างเต็มใจ
เพื่อนฉันเพิ่งบอกเมื่อวานเองว่า อย่าไปหลงเสน่ห์ พ่อพวงมาลัยกับข้าวต้มมัด
เพราะจะทำให้เสียชื่อสาวๆ แผนกบัญชี ดูท่าเช้านี้ ฉันต้องหาเหตุผลดีๆไว้แก้ตัวแล้วล่ะ

หากคิดจะใช้เวลาชั่วชีวิตกับใครสักคนคุณควรจะแน่ใจว่าเขาคนนั้น ...

1. ควรจะเป็นคนที่คุณรู้สึกพอใจในตัวเขาในหลายๆด้าน เช่น
รูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอ ท่าทาง การใช้คำพูด ฯลฯ
บางคนอาจเรียกว่าถูกชะตาก็ได้
ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่เห็นข้อดี ของเขาอย่างที่คุณเห็นก็ได้

2. มีทัศนคติตรงกัน หรือพูดกันรู้เรื่อง
คือไวต่อความต้องการของอีกฝ่าย พอสมควร
สามารถเปิดใจคุยกันทุกเรื่อง
ทั้งเรื่องลึกๆและเรื่องเล่น ๆ

3. มีความรู้สึกชื่นชมยกย่องซึ่งกันและกัน
แม้ว่าจะทำงานคนละด้านหรือ มีการศึกษาที่แตกต่างกันก็ตาม

4. มีเหตุผล
พูดจาปรึกษาหารือกันได้ไม่ใช้แต่อารมณ์อย่างเดียว

5. ขยัน
เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะมีส่วนช่วยสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตคู่และอนาคตข้างหน้า

6. ปรารถนาดีต่อกัน หรือจริงใจต่อกัน
ข้อนี้ต้องดูกันนานหน่อยค่ะกว่าจะรู้ว่าไม่ได้เสแสร้ง
หรือหวังผลประโยชน์จากเรา

7. อายุก็มีความสำคัญ
เพราะจะทำให้มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น มีความอดทน
และมีความพร้อมมากขึ้น

8. มีสุขภาพกายที่ดี
หมายถึงแข็งแรงและมีสุขภาพอนามัยที่ดี

9. มีสุขภาพจิตดี ปรับตัวเข้ากับคนและสิ่งแวดล้อมได้
ไม่มองโลกในแง่ร้าย

10. ควรมีพื้นฐานทางฐานะพอที่จะพึ่งตนเองได้
เพื่อที่จะได้ไม่เกิด ปัญหากับชีวิตคู่ในอนาคต

11. มีความรักต่อกัน
ข้อนี้คงจะรู้กันได้ถ้าพบคนที่คุณถูกใจ

12. เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คู่รักที่รักกันยาวนาน
มักปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ
เคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
แม้ในเวลาที่คุณถกเถียงกัน ก็ไม่ควรลืมว่า
เขาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ

การเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไม่ได้หมายความว่า
ทุกอย่างจะราบรื่น แต่การเคารพความเห็นซึ่งกันและกัน
จะทำให้คุณสามารถประคับประคองนาวารักของคุณไปได้

13. มีความรู้ และความคิด เพียงพอที่จะช่วยกัน
พลิกแพลงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือ
ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ โดยไม่ถอนตัวหนีหายไปไหน
ข้อนี้อาจจะมองยากหน่อย
แต่ก็ถือเป็นขั้นสุดของสังคมยุคนี้แล้วหละ
แปลกมั๊ย..ใคร ๆ ก็คิดว่าเวลากับนาฬิกาเป็นสิ่งที่คู่กันเสมอจริง ๆ แล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นซักหน่อย

เวลา... เดินไปข้างหน้า
นาฬิกา.. เดินอยู่ที่เก่า

เวลา.. เราไม่อาจย้อนกลับ
นาฬิกา.. เราหมุนย้อนมันได้

เวลา.. เมื่อสูญเสียไปแล้วไม่อาจเรียกร้องคืน
นาฬิกา.. เสียก็ซ่อม หรือซื้อใหม่ไปเลย

เวลา.. ได้มาฟรีๆ ไม่ต้องแลกกะอะไร
นาฬิกา.. ยิ่งสวยยิ่งแพง ใช้เงินซื้อมันมาทั้งนั้น
แล้วอย่างนี้ มันจะคู่กันได้ยังไง ในเมื่อมันแตกต่างกันเหลือเกิน

แต่ถามหน่อย.. ถ้าไม่มีนาฬิกา จะรู้เวลามั๊ย
หรือถ้ามีแต่นาฬิกา แต่ไม่รู้จักเวลา จะมีประโยชน์อะไร

ถึง 2 สิ่งจะแตกต่างกัน แต่ถ้ามันจะคู่กันแล้ว
ย่อมมีจุดร่วมกันเสมอ เพียงแต่จะมองเห็นมันรึป่าว?

ฉันกับเค้า.. อาจไม่มีอะไรเหมือนกัน

ฉันกับเค้า.. มีความคิด และวิถีชีวิตที่ต่างกัน

ฉันกับเค้า.. อาจเดินกันคนละเส้นทาง

ฉันกับเค้า.. อาจมีความฝันที่ห่างไกลกัน

ฉัน.. อาจเหมือนกับเวลา ที่ชอบเดินไปข้างหน้า  หาสิ่งใหม่ๆที่ท้าทาย โดยทิ้งหลายสิ่งไว้ข้างหลัง

เค้า.. อาจเหมือนกับนาฬิกา ที่ยังเป็นแบบเดิมๆ  ใช้ชีวิตและทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ ในมุมเก่าๆ

ฉันอาจไม่พบกับเค้าเลย ถ้าฉันยังดึงดันจะมองแต่ข้างหน้า

ฉันอาจไม่พบกับเค้าเลย ถ้าฉันไม่มองไปข้างหลัง

เค้ายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังอยู่แบบเดิมๆ

เค้ายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของเขาไป

แต่ฉันยังเฝ้ามอง เฝ้ารอ …  ความแตกต่าง อาจสร้างกำแพงบังเค้าไว้

แต่ฉันยังเชื่อมั่น ว่าซักวัน สิ่งนั้นน่ะแหละ   ที่จะเชื่อมโยงใจเราเข้าหากัน
ความแตกต่าง จะเติมเต็มส่วนที่เราขาดหาย
และสุดท้ายก็จะเหลือเพียงแค่คำว่า
..**กันและกัน **
รอยบนผืนทราย

เพื่อนสนิทสองคนเดินทางท่องเที่ยวร่วมกัน

ระหว่างยํ่าเท้าผ่านทะเลทราย

ทั้งสองโต้เถียงกันรุนแรงจนเพื่อนคนหนึ่งโมโหมาก

ตบหน้าเพื่อนอีกคน ผู้ถูกตบหน้าเจ็บปวดทั้งกายและใจ

เขาไม่พูดอะไรเลย ขณะที่เขียนข้อความหนึ่งลงบนทราย

"วันนี้...เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันตบหน้าฉัน"

ทั้งคู่เดินทางต่อไป เมื่อพบโอเอซิสแห่งหนึ่งจึงตัดสินใจอาบนํ้า

เพื่อนคนที่ถูกตบหน้าพลัดตกนํ้าและจมลงเรื่อยๆ

อีกคนจึงรีบช่วยเพื่อนให้พ้นความตาย เมื่อหายตกใจแล้ว

คนจมนํ้าก็เขียนข้อความลงบนก้อนหิน

"วันนี้...เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันช่วยชีวิตฉันไ ว้"

เมื่อเพื่อนถาม เพื่อนก็ยิ้มแล้วตอบว่า

"เมื่อเพื่อนทำร้ายเรา เราจะบันทึกไว้บนผืนทราย

เพื่อให้สายลมแห่งการให้อภัยลบความเจ็บปวดนั้นทิ้งไป

และเมื่อเพื่อนทำในสิ่งประเสริฐสุดให้

เราจะจารึกไว้บนก้อนหินแห่งความทรงจำในหัวใจ

ซึ่งลมพายุไม่สามารถลบมันออกได้..."


เพราะ.....".เพื่อนแท้มิได้หาง่ายๆเหมือนแฟน " ว่ามะ?

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

คำพูดกับความรู้สึกดีๆ

คำพูดกับความรู้สึกดีๆ


คุณเคยใช้คำพูดที่พูดออกไปด้วยอารมณ์ ความคะนอง
แต่แล้วคำพูดที่พูดออกไป ทำร้ายความรู้สึกดีๆของอีกฝ่าย
ผู้ฟังฟังแล้วเสียความรู้สึกดีๆไป....

........จะเป็นด้วยความตั้งใจที่จะพูดออกไปหรือไม่ก็ตามแต่
สุดท้ายคนที่รับฟังประโยคเหล่านั้นรู้สึกผิดหวังที่ได้ยินอย่างนั้น

........คุณอาจจะรู้สึกดีที่ได้พูดอย่างนั้นออกไป ได้ระบายความรู้สึก
แต่ภายหลัง...คุณกลับมานั่งขบคิดในสิ่งที่คุณทำลงไป
คุณกำลังทำลายความรู้สึกดีๆระหว่างกันลงไป
คุณเริ่มรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่ทำลงไป

.......คำพูดที่หลุดออกจากปากไปแล้ว
มันคืออดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย

มีแต่สติเท่านั้นที่ควบคุมคำพูดที่จะออกจากปากไม่ให้พลั้งเผลอพูดในสิ่งไม
่สมควร เพียงแต่เราขาดสติควบคุม
คำพูดที่หลุดออกไปก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งทันที

........บางครั้งคุณอยากจะเป็นฝ่ายกล่าวขอโทษในสิ่งที่คุณกล่าวซึ่งทำร้าย
ความรู้สึก ดีๆของอีกฝ่าย
เพียงแต่คุณไม่กล้า คุณมีทิฐิ
คุณเป็นฝ่ายลังเลที่จะกล่าว อยากให้อีกฝ่ายยกโทษให้คุณ แต่ในใจคุณ
ความมีทิฐิ กลัวเสียหน้า
ข่มความกล้าที่จะทำให้คุณเป็นฝ่ายเริ่มต้นกล่าวก่อน
คุณกลับรอเวลาให้ผ่านไปด้วยหวังว่าเวลาที่ผ่านไป...ทุกอย่างก็จะดีเอง

.......คุณเคยคิดบ้างไหมว่า
เวลาที่ผ่านไปยิ่งทำให้ทุกอย่างไม่ดีขึ้นเลย อีกฝ่ายที่รับฟังคำพูดของคุณ
ถึงแม้ว่าคำพูดที่ผ่านไปมันกลายเป็นอดีต
แต่ความรู้สึกมันยังคงค้างอยู่ในใจ

.......ถ้าทิฐิมันทำลายความรู้สึกที่ดีระหว่างกัน
มีประโยชน์อะไรที่คุณจะถือทิฐิเอาไว้กับตัว คุณควรจะปล่อยทิฐิตรงนั้นไป
การกล่าวขอโทษ
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่และยากในยามที่ความรู้สึกดีๆระหว่างกันเกิด
รอยร้าวขึ้น

ความรู้สึกดีๆจะกลับมาก็เพียงแต่คุณกล้าที่จะเริ่มต้นกล่าวคำขอโทษออกไป

.............ถามใจตัวคุณเองว่า
คุณยังให้ความสำคัญกับคนๆนั้นอยู่ไหม
ไม่ต้องกลัวเสียหน้าถ้าคุณจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นกล่าวก่อน หลังจากกล่าวออกไป
คุณจะรู้สึกว่าจิตใจคุณบางเบา
อีกฝ่ายคงรู้สึกดีที่ได้ยินอย่างนั้นและยินดีจะให้อภัยคุณ
......ผมเคยมีทิฐิและไม่ยอมที่จะลดละความมีทิฐิ
สุดท้ายผมพบว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรจากการทำแบบนั้น
แล้วกลับมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแทน

ถ้าความรักหมายถึง การไม่โกรธ และให้อภัย
คนที่คุณรักเขาคงยินดีและไม่โกรธเมื่อได้ยินคำขอโทษจากคุณ
และเขาก็ยินดีที่จะให้อภัยคุณตราบเท่าที่เขายังรักคุณอยู่

17 สูตร เพื่อผิวสวย

...บำรุงผิวให้อ่อนเยาว์...

1. หากอยากให้ผิวพรรณผุดผ่องล่ะก็ ก่อนลงเล่นน้ำทะเลควรจะชโลมเบบี้ออยล์ให้ทั่วตัวก่อน แล้วค่อยใช้ทรายที่ชายทะเลขัดผิว ก่อนที่จะไปล้างตัวด้วยการเล่นน้ำทะเล แต่อย่าลืมทาครีมหรือโลชั่นกันแดดที่มี SPF 15 ด้วย ไม่งั้นผิวสวยๆจะไหม้เกรียมซะก่อนนะจ๊ะ

2.
ส่วนสาวที่มีผิวบอบบาง ควรป้องกันผิวจากรังสียู่วีในแสงอาทิตย์ได้ด้วยการชโลมน้ำมันอัลมอนด์ลงบนผิวกายทุกครั้งหลังอาบน้ำ หรือจะใช้น้ำมันที่สกัดจากมะพร้าว ก็ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและลมหนาวได้เหมือนกัน


3.
มอยส์เจอไรเซอร์ สำหรับสาวที่มีผิวไวและเกิดการระคายเคืองง่าย ควรเลือกชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของกรดหรือน้ำหอม สังเกตได้บนฉลากของผลิตภัณฑ์จะเขียนคำว่า " Comedogenic " หมายถึงผลิตภัณฑ์นั้นจะไม่ทำให้รูขุมขนอุดตันนั่นเอง

4.
สาวที่มีผิวธรรมดา แต่มักตกสะเก็ดและคันในช่วงหน้าหนาว ขอแนะนำให้ใช้โลขั่นที่มีความชุ่มชื้น ที่ออกแบบมาสำหรับคงความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ตลอด 24 ชั่วโมง

5.
สาวที่อยากมีผิวขาวเนียนสว่างกระจ่างตา ทำได้โดยนำมะขามเปียกมาขัดถูผิวเวลาอาบน้ำ จะช่วยให้ผิวเนียนนุ่มไม่แห้งแตก ยิ่งในช่วงหน้าหนาวอย่างนี้ด้วยยิ่งดีใหญ่ เพราะจะช่วยบำรุงผิวให้นุ่มเนียนน่าสัมผัสมากยิ่งขึ้น

...ใส่ใจใบหน้าให้ใสปิ๊ง...

6. ดื่มน้ำแร่อย่างน้อย 1.5 ลิตรทุกวัน จะช่วยให้ผิวพรรณและใบหน้าสดใส
7.
ใช้น้ำแร่เย็นเฉียบล้างหน้าเป็นประจำเช้า-เย็น จะช่วยลดรอยขรุขระบนใบหน้าได้ น้ำเย็นยังช่วยให้ผิวหน้าปรับสภาพและคืนสมดุลได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย


8.
สาวๆหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ผิวหน้าก็หิวน้ำได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นหมั่นฉีดสเปรย์น้ำแร่ให้ใบหน้าคงความชุ่มชื้นได้ตลอดวัน

9.
นำน้ำผึ้งมาอุ่นให้ได้อุณหภูมิพอเหมาะ แล้วพอกทาทั่วใบหน้าและลำคอ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเป็นการให้สารอาหารบำรุงกับผิวหน้าด้วย

10.
ลองใช้น้ำผึ้งมาผสมน้ำนมอาบเหมือนพระนางคลีโอพัตราบ้างก็ได้ วิธีนี้จะช่วยบำรุงผิวให้นุ่มนวลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

11.
ใช้เมล็ดอัลมอนด์บดผสมกับโยเกิร์ต พอกทิ้งไว้ 18-20 นาที ใช้น้ำล้างหน้าแล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ด จากนั้นล้างหน้าอีกครั้ง แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงผิวหน้าที่นุ่มนวลเนียนใส


...ถนอมผิวรอบดวงตา...

12. ทำความสะอาดรอบดวงตาอย่างละมุนละไม โดยเฉพาะสาวไหนที่รักการแต่งหน้าเป็นชีวิตจิตใจ ควรเลือกใช้โลชั่นเช็ดเครื่องสำอางที่ผลิตมาเป็นพิเศษสำหรับล้างเครื่องสำอางอย่างอายแชโดว์และมาสคาร่า
13.
ก่อนเลือกซื้อครีมบำรุงรอบดวงตา ให้พิจารณาด้วยว่ามีส่วนผสมอะไรในครีมบ้าง เช่น ถ้าผสมชาเขียวซึ่งมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ก็จะช่วยฟื้นฟูผิวของคุณให้สดใสขึ้น หรือถ้ามีส่วนผสมของคาโมมายล์ ก็จะช่วยในการผ่อนคลาย และปลอบประโลมผิวจากอาการระคายเคืองได้ดี


14.
สำหรับสาวที่อยากชะลอริ้วรอยก่อนวัย ควรเลือกครีมบำรุงดวงตาที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ จะช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่น ขณะที่วิตามินบีจะช่วยซ่อมแซมผิว และวิตามินช่วยปกป้องผิวจากริ้วรอย

15.
ก่อนนอน ควรดูแลผิวรอบดวงตาด้วยการใช้นิ้วมือแตะครีมบำรุงรอบดวงตา แล้วถูเนื้อครีมให้เข้ากัน วิธีนี้จะช่วยให้เนื้อครีมผสมผสานทำงานได้ดีขึ้น แล้วแตะเบาๆบนผิวรอบดวงตา ปล่อยให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวจะช่วยบำรุงและชะลอริ้วรอยเพื่อผิวหน้าสดใส

16.
ส่วนครีมบำรุงรอบดวงตาตอนเช้า เลือกชนิดเจลที่มีส่วนผสมของวิตามินที่ช่วยลดริ้วรอยและปกป้องแสงแดด ทั้งนี้ไม่ควรใช้ครีมสำหรับใบหน้าทาบริเวณรอบดวงตา เพราะบางชนิดเนื้อครีมจะมีความเข้มข้นสูง และมีส่วนผสมของน้ำหอม และสี ซึ่งอาจทำให้ดวงตาเกิดการระคายเคืองได้

17. สาวไหนนอนดึก สามารถแก้ขอบตาดำคล้ำได้ด้วยการฝานมันฝรั่งบางๆ แล้ววางลงบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ 10 นาที น้ำและความชุ่มชื้นจากมันฝรั่งจะซึมซาบเข้าสู่ผิว ช่วยให้รอยคล้ำใต้ตาจางลงได้

 

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

อยากบอก"รัก" พ่อ

-- บอกรักผู้ชาย .. คนนี้ พ่อฉัน ...














เคยเกเรและเคยดื้อรั้น จะพูดแบบไหนก็ไม่ฟัง
ทำตึงตังก็มีบ่อยครั้ง เอาแต่ใจตัวเองทุกที

แต่ยังมีคนนึงที่คอยดูแล ห่วงใยตัวฉันเรื่อยมา
จะเหนื่อยเพียงไหน ไม่บ่นสักคำ เขาคือฮีโร่ในดวงใจ

ก็อยากจะพูดว่ารักๆพ่อจังเลย รู้รึเปล่าแค่อยากให้พ่อฟัง
ก็อยากจะพูดว่ารักๆพ่อดังๆ ขอสัญญา จะเป็นเด็กดีอย่างนี้ให้พ่อตลอดไป

บางเวลาที่ใจมันเหงา บางครั้งก็ต้องเสียน้ำตา
ยังมีคนที่คอยห่วงหา มันก็ดูอบอุ่นเหลือเกิน

แต่ยังมีคนนึงที่คอยดูแล ห่วงใยตัวฉันเรื่อยมา
จะเหนื่อยเพียงไหน ไม่บ่นสักคำ เขาคือฮีโร่ในดวงใจ

ก็อยากจะพูดว่ารักๆพ่อจังเลย รู้รึเปล่าแค่อยากให้พ่อฟัง
ก็อยากจะพูดว่ารักๆพ่อดังๆ ขอสัญญา จะเป็นเด็กดีอย่างนี้ให้พ่อตลอดไป
--- รักพ่อ---

ให้กำลังใจด้วยตัวเอง


                                 ให้กำลังใจตัวเอง

                                                                       BY NaNnY



ใครหลายคนชอบคิดไปไกลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

สิ่งที่ยังไม่เกิด ความคิดนี่แหละ

ที่บั่นทอนพละกำลังส่วนหนึ่งของความสุขที่ควรจะเกิด ควรจะมีให้ลดน้อยลงไป


บางขณะ เราน่าจะทำชีวิตให้ดีกว่านั้นได้ง่ายๆ

แต่เพราะความคิด ความกังวล

ทำให้สิ่งที่น่าจะง่าย กลายเป็นสิ่งยุ่งยาก

ถ้าความคิดบางอย่าง ยิ่งคิดยิ่งเศร้า ยิ่งทำให้กังวล ยิ่งไม่มีความสุข

ยิ่งหวาดกลัววันข้างหน้า ก็อย่าไปคิดมันเลย


แค่ทำวันนี้ให้มีความสุข

ทำให้ดีที่สุดกับเวลานี้ที่มีโอกาสนี้

บางทีใครจะรู้ว่า อะไรๆที่ไปกังวลนั้น อาจจะมาไม่ถึงก็ได้


ชีวิตอาจไม่ยาวนานถึงขนาดนั้น

ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะตื่นหรือเปล่า

อย่ากังวลกับอะไรที่ยังมาไม่ถึง มองวันนี้ ทำวันนี้

มีความสุขกับทุกวินาทีที่ยังหายใจอยู่ดีกว่า

เวลามีพอเสมอสำหรับความสุข

ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์

ชีวิตที่พบความทุกข์เป็นชีวิตที่แท้

ไม่มีความทุกข์ก็ไม่มีการเติบโต

ความทุกข์เป็นพลังขับเคลื่อนให้หลายอย่างเกิดขึ้น

ไม่มีใครไม่มีความทุกข์ เพราะนั่นคือการเป็นชีวิต

ความทุกข์สอนให้แต่ละคนเข้มแข็งในแง่มุมต่างๆ

ถ้าความทุกข์ไม่เข้ามาหาก็จะไม่รู้ว่า

ความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร

ไม่มีความทุกข์ก็ไม่รู้จักความสุข
เพราะความทุกข์พิสูจน์ความเป็นคนอ่อนแอหรือเข้มแข็ง

ความทุกข์เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ

ต่างจากความสุขที่ทำให้อ่อนแอ มองโลกง่ายๆ แคบๆ


ความสุขเหมือนฝนพรำสาย อ่อนโยน งดงาม บางเบา

แต่ว่างเปล่า ไม่มีการเรียนรู้ใดในความสุข

เมื่อใดที่มีความทุกข์ ควรยิ้มรับ

และคิดว่าโชคดีที่ได้เจอความทุกข์

ได้เรียนรู้การแก้ปัญหา ได้สงบ ได้สติ ได้ความนิ่ง

ได้รู้จักโลก รู้จักตัวเอง รู้จักการเติบโตทุกๆก้าว

ให้กำลังใจตัวเองมากๆ บอกตัวเองว่า


โชคดีที่วันนี้มีความทุกข์

เพราะเมื่อผ่านพ้นความทุกข์

ความสุขก็จะรออยู่เบื้องหน้า

จงใช้ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับชีวิต


มีคนมากมายที่กังวลกับอนาคต

แต่เขายังไม่เคยมองปัจจุบันเลยว่าทำอะไรอยู่

และเมื่อตัวคนเดียว กำลังใจจากตัวเองนี่แหละ

ที่จะทำให้เรามีแรงเดินต่อไป

เป็นเรื่องยากที่จะทำได้

แต่ถ้าทำได้คุณจะพบความสุขแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาใครเลย