สวัสดีคะ

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ^^ ชื่อแนน คะ MSU GM53010914158

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

กำลังใจให้ตัวเอง

.. ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า
แม้แต่คนโง่ที่สุดยังฉลาดในบางเรื่อง
และคนฉลาดที่สุด
ก็ยังโง่ในหลายเรื่อง ..

.. ไม่มีอะไรเสียเวลาไปมากกว่า
การคิดที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีต

ไม่เคยมีอะไรช้าเกินไป
ที่จะทำใหสิ่งที่ตนฝัน ..

.. คนที่ไม่เคยหิว
ย่อมไม่ซาบซึ้งรสของความอิ่ม

ความสำเร็จที่ผ่านความล้มเหลว
ย่อมหอมหวานกว่าเดิม ..

.. อันตรายที่สุดของชีวิตคนเราคือ การคาดหวัง
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
เหตุผลขอคนๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่เหตุผลของคน
อีกคนนึง ถ้าคุณไม่ลองก้าว คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า
ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร
ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง ..

.. คนเรา
ไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง
แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้น
ที่ได้ทำ ..

หัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย
หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทาง .. มากกว่า

กำลังใจ..DD"

การพิสูจน์ตนเองที่ดี อาศัยเวลาและการกระทำ มิใช่อธิบายและเหตุผล

ร่าเริงเป็นยาบำรุง ความหวังเป็นยาบำรุง เมตตาเป็นยาบรรเทา

ด้วยรักที่จะเรียนรู้ ล้มเหลวไม่ใช่เรื่องเลวร้าย มันให้บทเรียนและพิสูจน์ศรัทธา

เราทำงาน อย่าให้งานทำเรา ให้งานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ให้ชีวิตเพียงรู้จักรักการงาน

ชีวิตที่สดชื่นแจ่มใส ก้าวเดินไปด้วยการเรียนรู้ สันโดษอยู่ด้วยการแสวงหา

ผิดพลาดย่อมผิดหวัง คนเราผิดหวังได้เสมอ แต่อย่ายอมอยู่อย่างสิ้นหวัง

ในความว้าเหว่เงียบเหงา เพียงเรารู้จักสงบ เราจะพบตัวเราเอง

รอยร้าวในใจของนักสู้ ไม่ใช่อยู่ที่เคยล้มเหลว แต่อยู่ที่ไม่ยอมเริ่มต้นใหม่

ถ้าใจจะต้องปวดร้าว อย่างไรก็ปวดร้าว เร็วไปวันสองวันจะเป็นไรไป....

แพ้เป็นบันได ชนะเป็นสะพาน ประสบการณ์เป็นบทเรียน

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

เสียใจไม่ใช่เรื่องแปลก (แต่หากเสียใจไม่จบสิ้น นั่นจึง แปลก)






ความอ้างว้างไม่ได้โหดร้ายอะไรนัก
มันก็แค่ช่วง เวลาที่เธอควรใช้มันให้กับตัวเอง
หลังจากที่วุ่นวายไปกับชีวิตคนอื่นมานานพอควร

ถ้าเธอเคยหกล้ม เธอก็จะเดินอย่างระมัดระวังมากขึ้น
ไม่ใช่ คิดจะไม่เดินอีกเลย

บางครั้งคนเรา ก็ต้องยอม รับในสิ่งที่ตัว เองไม่เข้าใจ
และต้องยอมรับในการตัดสินใจของคนอื่น
ถึงมันจะไม่ดีกับเธอ เลยก็ตาม
เพราะเราเลือกแต่เหตุการณ์นี้
ให้เกิดกับชีวิตเราไม่ได้เสมอไป

ความรักก็มีชีวิตเหมือนดอกไม้
และไม่มีแจกันใด จะถนอม ความงามของดอกไม้ไว้ได้ตลอดไปหรอก

ความเสียใจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ หากเสียใจไม่จบสิ้น นั่นจึงแปลก

ในขณะที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ มัน ก็ต้องไม่ลืมที่จะหมุนรอบตัวเอง
ในขณะที่เธอรักใคร เธอก็ต้องไม่ลืมที่ จะรักตัวเอง

หากคนเรามีความรักได้ครั้งเดียวในชีวิต นั่นจึงควรร่ำร้องเมื่อรักได้สูญหาย
แต่ความจริงแล้ว คนเรามีความรักได้หลายพันครั้ง ตลอดทั้งชีวิต

เมื่อเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือใคร นั่นคือสัญญาณ เตือนว่า
เธอควรให้ความสำคัญกับตัวเองได้แล้ว

คนเราสามารถจำอะไรก็ได้
แต่เมื่อจำแล้ว กลับไม่สามารถเลือกที่จะลืมบางส่วนของมันได้
แต่เลือกที่จะนึกถึงมันให้น้อยที่สุดได้

ไม่ว่าความรักจะทำให้วันนี้ของ เธอปวดร้าวยังไง
แค่ครั้งหนึ่ง เธอเคยได้รัก คนที่อยากรัก เธอก็โชคดี มากแล้ว

สำหรับบางคน ถ้าจะรัก ก็ยังไม่เจ็บ
ถ้าเคยรัก ก็แค่เคย เจ็บ แต่ถ้ายังรัก ก็จะยังเจ็บ
ขึ้นอยู่กับว่า เธออยากเป็นแค่คนที่เคย เจ็บ
หรืออยากเป็นคนที่ยังเจ็บอยู่ทุกวัน

เธออาจเคยฝืนใจรับใบ ปลิว ที่แจกตามหน้าห้างสรรพสินค้า
เพราะเกรงใจคนแจกมันและบางที อาจมีคนรับความรักของเธอไป
เพราะเหตุผลอย่างเดียวกัน สุดท้าย เขาก็ทิ้ง มัน
เหมือนกับที่เธอทิ้งใบปลิวนั่นแหละ

คนบางคน เป็นเพื่อนที่ ดีได้ เป็นพี่ที่ดีได้ เป็นน้องที่ดีได้
แต่เป็นคนรักที่ดีไม่ได้ ก็ควร ให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาเป็นได้ และเป็นได้ดี

หลายๆสิ่งในโลกล้วน ถูกสร้างมาให้มีด้านตรงข้าม
มันจึงต้องมีจุดผกผันแปรเปลี่ยน
ความรักก็ มีจุดเปลี่ยนของมัน
จึงเป็นเรื่องจำเป็น ที่เธอต้องยอมรับมันให้ ได้

สำหรับความรักที่ผ่านมา
ควรแยก ให้ได้ว่า อะไรควรจำไว้ประทับใจ
อะไรควรจำไว้เป็นบทเรียน

ค่ำคืน แห่งความเงียบเหงา
ไม่ได้ยาวนานไปกว่าคืนไหนๆหรอก
อีกไม่นานก็เช้า ชีวิตก็วุ่นวายเหมือนเดิมแล้ว

หนังสือเล่มไหนที่อ่านแล้วไม่ถูกใจ
ก็ไม่ต้องกลับไปอ่านรอบสอง
ความทรงจำที่นึกถึงแล้วเจ็บปวด
ก็อย่าไปนึก ถึงมันเป็นครั้งที่สอง

เมื่ออ่อนแอจนถึงที่สุด ความเข้มแข็งจะเข้า มาแทนที่
เมื่อเธออยากให้หัวใจมีความรัก ก็ต้องยินยอมที่จะให้มัน เจ็บปวด
เหมือนเด็กที่อยากจะเดิน ก็ต้องยินยอมที่จะล้มลุกคลุก คลาน

ความรู้สึกสูญเสีย ร้ายแรงเสมอ
สำหรับคนที่ไม่ยอมรับความ จริง

ความเจ็บปวด ไม่ได้ต้องการเวลาเพียงไม่กี่วันในการรักษา
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า เธอจะเลิกเจ็บปวดเมื่อไหร่
แต่มันอยู่ที่ว่า เธอจะใช้ชีวิตในขณะที่ยังเจ็บปวดอย่างไรต่างหาก

คนที่ควรรัก........
อาจไม่ใช่คนที่เธอรัก
อาจไม่ใช่คนที่รักเธอ
อาจไม่ใช่คนที่รักกันมา ก่อน
อาจไม่ใช่คนที่กำลังรักอยู่
อาจไม่ใช่คนที่คิดจะรัก

แต่.....คนที่ ควรรัก.....

อาจเป็นคนที่เธอยังไม่เคยรักเลยก็ได้

ทำไมต้องเรียกร้องความ รักจากคนๆเดียว
ในเมื่อเธอก็มีความรักจากคนรอบข้างมากมาย

ไม่มีความเจ็บปวดครั้งใด ไม่ให้ประโยชน์กับชีวิต
ขึ้นอยู่กับว่า เธอรู้จัก ที่จะใช้ความเจ็บปวดนั้นทำให้เธอเข้มแข็ง
หรือปล่อยให้มันทิ่มแทง จนเจ็บซ้ำ แล้วซ้ำเล่า

การเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นง่ายที่สุด และ ยอมรับได้ยากที่สุด
แต่เมื่อเรายอมรับได้แล้ว มันก็จะเป็นเรื่องธรรมดา ที่สุด

ความรักไม่ได้ทำร้ายใคร แต่คนเรามักใช้มันทำร้ายตัว เอง

เด็กที่เพิ่งหกล้ม อย่าไปถามเขาว่า
เจ็บมากมั้ย หายเจ็บ หรือยัง
นั่นจะทำให้เขายิ่งร้องไห้
หัวใจที่เจ็บปวด ก็อย่าไปถาม ซ้ำๆถึงความเจ็บนั้นเลย

ความเจ็บปวดที่ร้ายแรงที่สุด คือ
ความเจ็บปวดที่เธอเฝ้าคิดถึงแต่มันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถ้าเธอเคยล้ม เธอก็จะเดิน อย่างระมัดระวังมากขึ้น
นั่นเองคือเหตุผลว่า ทำไมคนเราจึงต้องเจ็บปวด เสียบ้าง

ถ้าความรักของเธอเหมือน ดอกไม้ หัวใจเขา เหมือนทะเลทราย
คงเปล่าประโยชน์ นี่เธอจะปลูกดอกไม้ให้ งดงาม ในทะเลทราย

ระหว่างการเดินทาง หากมีเพื่อนร่วมทางสักคน
ก็นับว่าเป็นโชคดีของเธอแล้ว และเมื่อเขาจำเป็นต้องแยกไป
เธอควร ขอบคุณที่เขาร่วมทางมา ไม่ใช่ตัดรอนต่อว่า ที่เขาแยกทางไป

ว่ากันว่า ช่วงชีวิตของคนเรามีจำกัด
ยิ่งใช้เวลาไปกับความเศร้าโศกนานเท่าไหร่
ก็จะเหลือช่วงเวลาที่ดี ลดน้อยลง

ความรักไม่เคยมีอดีต มีแต่ปัจจุบัน





คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...ไม่มีใครไม่เคยมี "อดีต" เพราะ "อดีต" คือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ แต่นำมาเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งที่เราสามารถทำให้ "ปัจจุบัน" ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะกับ "ความรัก" ขณะเดียวกัน ก็ไม่ควรยึดติดกับ "อดีต" จนมันย้อนมาทำร้ายให้เจ็บปวด หากเรายังมัวแต่คิดถึงวันเก่า ๆ เราจะไม่ได้ก้าวไปสู่วันใหม่ ๆ ที่สดใสกว่า

แต่เชื่อว่าก็ยังมีอีกหลายคู่รัก มักหยิบยกเอาเรื่องราวในอดีตของกันและกันมาพูดถึง จนบางครั้งอาจเป็นสาเหตุในการทะเลาะเบาแว้งด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่างเรื่อง "แฟนเก่า" ที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ยังจะนำมาเป็นถกเถียง ประชดประชันกันได้เสมอ รวมไปถึงเรื่อง "ความผิด" ต่าง ๆ นานา เช่น นอกใจ, โกหก ฯลฯ ซึ่งถึงแม้จะให้อภัยกันไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นเรื่องที้ผ่านมานานแล้ว ก็ยังจะไปขุดคุ้ยให้เป็นประเด็นเ้สมอ

ผลสุดท้ายก็ไม่มีใครได้รอยยิ้มจาก "อดีต" หากคุณทั้งคู่นำมันมาใช้อย่างไม่ถูกวิธี และนำมาเปื้อนกับ "ปัจจุบัน" ชีิวิตต้องอยู่กับ "ความจริง" คือ "วันนี้"..."เวลานี้" และ "วินาทีนี้"

"อดีต" เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถ้าคุณมัวแต่ยึดติดกับมันก็เท่ากับทำร้ายตัวเองเปล่า ควรตัดสินกันและกันจาก "ปัจจุบัน" คือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะ "ปัจจุบัน" คือความจริง ณ วินาทีนี้ เพราะฉะนั้น ต้องทำทุกวินาทีให้มีค่า และควรทำความรัก "วันนี้" ให้ดีที่สุด โดยนำ "อดีต"มาเป็นแค่บทเรียน เพื่อ "อนาคต" ที่ทำให้เรายิ้มได้

น่าอ่าน!




ชายคนหนึ่งหยุดรถที่ร้านขายกระเช้าดอกไม้ เตรียมจะสั่งกระเช้าดอกไม้ทางโทรศัพท์ เพื่อให้ทางร้านโทรศัพท์ติดต่อร้านดอกไม้อีกเมืองหนึ่ง ให้ส่งดอกไม้ไปอวยพรวันเกิดแก่แม่ของเขา ที่อยู่ห่างออกไปประมาณสี่ร้อยกิโลเมตร เมื่อเขาลงจากรถยนต์ เขาเห็นเด็กผู้หญิงอายุราว 5 ปี นั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าร้าน จึงเข้าไปถาม “ร้องไห้ทำไมจ้ะ มีอะไรให้ช่วยไหม”

เด็กหญิงตอบทั้งน้ำตาว่า “หนูอยากซื้อดอกกุหลาบสีแดงไปให้แม่ ดอกกุหลาบราคาดอกละห้าบาท แต่หนูมีเงินแค่บาทเดียวเท่านั้นเอง”

ชายคนนั้นยิ้มแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุงจะซื้อให้หนูเอง”

แล้วเขาก็จ่ายเงินห้าสิบบาท ซื้อกุหลาบสีแดงจำนวนสิบดอกให้แก่หนูน้อย แล้วถามว่า

“แล้วตอนนี้แม่ของหนูอยู่ที่ไหน หนูจะพาลุงไปหาแม่ของหนูด้วยได้ไหมล่ะ”

หนูน้อยตอบตกลง บอกว่าแม่ของหนูอยู่ใกล้ร้านขายดอกไม้นิดเดียวเอง เดินไปเดี๋ยวเดียวก็ถึง

เด็กหญิงพาชายใจดี ผู้มีน้ำใจไมตรีออกจากร้าน เดินผ่านเข้าไปในวัดที่อยู่ใกล้ร้าน เข้าถึงศาลา ซึ่งมีศพที่เพิ่งจะเสียชีวิตมาไม่กี่วันตั้งอยู่ หนูน้อยหยิบดอกกุหลาบสีแดงช่อนั้นเข้าไปกราบหน้าศพ ซึ่งมีรูปผู้หญิงยังสาวตั้งอยู่ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น

ชายใจดีเดินกลับมายังร้านดอกไม้แห่งเดิม ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขาบอกยกเลิกการสั่งดอกไม้ทางโทรศัพท์ที่เตรียมส่งไปให้แม่ แต่ซื้อกุหลาบช่อใหญ่ แล้วขับรถใช้เวลาห้าชั่วโมง ตรงไปหาแม่ของเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่ร้อยกิโลเมตรในคืนวันนั้นเอง……

ความหมายของวันวาเลนไทน์….
คงไม่ใช่เพียงแค่การมอบดอกไม้แก่กันหรือซื้อช็อกโกแลตให้เท่านั้น

แต่ความหมายอยู่ที่ตัวคุณเอง
คุณได้เอาใจใส่… คุณได้คอยดูแล…. คุณได้คอยทนุถนอม… คุณได้รดน้ำ… คุณได้พรวนดิน…

คุณได้ใส่ปุ๋ย…ให้กับต้นรักของคุณ… เพียงพอหรือไม่…

และความรักควรออกมาจากข้างใน…ในใจของคุณ
คุณสามารถทำให้ทุกๆ วันของคุณเป็นวันแห่งความรักได้

ความรักที่แท้จริง… อยู่ไม่ไกล… อยู่ในใจคุณ … อยู่ข้าง ๆ กายคุณ

เป็นคนที่รักคุณ… รักคุณมากที่สุด… คือรักจาก …พ่อ.. และแม่…ของคุณเอง..

“เมื่อฉันแก่ตัวลง”



อยากจะมอบเรื่องนี้ให้กับผู้ที่ไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ชิดผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้าน


เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของลุกผู้ชายคนหนึ่ง ที่ตระเวนทั้งเรียนทั้งทำงานไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แม้เขาจะเติบกล้าเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้เพิ่มมากขึ้น โลกใบนี้เริ่มเล็กลง แต่พ่อแม่ที่อยู่บ้านเดิม(ในเมืองจีน)ก็เริ่มแก่ตัวลง

ลูกคนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศ ไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย โชคดีต่อมามีไอพีการ์ด เลยได้คุยสดกันบ้าง ทุกครั้งแม่ก็จะคอยเตือนให้ระวังสุขภาพของตัวเอง ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง... ยิ่งพูดก็ยิ่งซ้ำๆซากๆ เขารู้ดีว่าแม่เริ่มคิดถึงเขามาก

จนกระทั่งปีนี้ แม่อายุ 75 เขาจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่ โดยตั้งใจว่าจะอยู่สัก 1 เดือน จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ

แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ แม่ก็เริ่มเตรียมตัวในการต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้านของลูก แม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม แม่เตรียมรายการอาหารที่ลูกชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ลูกเคยชอบห่มมาปะชุนใหม่... สำหรับคนอายุ 75 เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย



พอกลับถึงบ้าน ตอนอยู่บนเครื่องบิน เคยตั้งใจว่าจะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผอมแห้ง หน้าตาเหี่ยวย่น ช่างไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย...

แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมงเตรียมอาหารที่ลูกเคยชอบ โดยที่หาทราบไม่ว่า เดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดี รสชาติอาหารจึงแย่มากๆ บางจานก็เค็มจัด บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้ ทั้งหนาทั้งหยาบ ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่า เดี๋ยวนี้ลูกนอนห้องแอร์และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว แต่เขาก็ไม่บ่นอะไร เพราะเขาตั้งใจจะกลับมาเป็นเพื่อนแม่จริงๆ

สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ จนไม่มีเวลาพักผ่อน พอเริ่มได้พัก แม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่นสอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น 10กว่าปีก่อนก็เคยพูดแล้ว พอลูกบอกให้ฟังว่า ปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้ว แม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึม



“เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง โดยเฉพาะสายตา อาหารบางจานมีแมลงวันด้วย บางทีอาหารหกบนเตา แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม
ครั้นผมพยายามชวนแม่ไปกินนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่สะอาด ของแปลกปลอมเยอะ เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน แม่ก็โวยวายว่า แม่เองยังสามารถทำงานเลี้ยงดูเด็กให้ผู้อื่นได้เลย ผมเลยพูดไม่ออก พอผมจะออกไปช้อปปิ้ง แม่ก็จะตามไปด้วย ทำเอาวันนั้นทั้งวัน พวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย...”



“พอพวกเราเริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย แม่ก็จะหาว่าพวกเราเพี้ยน ผมก็เริ่มบอกแม่อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆบ้าง... ช่วงครึ่งเดือนหลังที่อยู่กับแม่ ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้น แต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ พอผมขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลง ไม่พูดไม่จา ในตามีแววเหม่อลอย – โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ”



“ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมา ในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้ในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอก แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศเมื่อผมเดินทางไปนอก ทุกครั้งที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ แม่จะตัดข่าวเก็บไว้ ตั้งใจจะมอบให้ผมตอนที่ผมกลับมา แม่พูดอยู่เสมอว่า อยู่นอกบ้านนอกเมือง ต้องระวังตัวให้มากๆ ครั้งหนึ่งมีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้านและข่มเหงคนจีน มีการปะทะกันด้วย แม่เป็นห่วงมาก ถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไร ตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น”



แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมาอย่างยากลำบาก วางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง มันหนักมาก ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจ เพราะผมไม่อยากนำกลับไป
มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ผมรู้ว่าแม่เก็บมันด้วยความยากลำบาก แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย อ่านได้วันละ 2 หน้าก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้
ทันใดนั้นมีข่าวแผ่นหนึ่งปลิวหลุดลงมา แม่รีบเอื้อมไปหยิบ แต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิม แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง

ผมรู้สึกเอะใจ เลยถามว่า “แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ” แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้น แล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที



ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู มันเป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่า “เมื่อฉันแก่ตัวลง” ตัดจากหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004 เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกที บทความนั้นคัดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโก ฉบับเดือนพฤศจิกายน ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบทันที ....



เมื่อฉันแก่ตัวลง ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด

ตอนฉันทำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง ตอนฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า ขอให้คิดถึงตอนแรกๆที่ฉันใช้มือสอนเธอทำทุกอย่าง

ตอนฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆที่เธอรู้สึกเบื่อ ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆซากๆ จนเธอหลับเลย

ตอนฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลยนะยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆ ฉันต้องทั้งออดทั้งปลอบเพื่อให้เธอยอมอาบน้ำได้ไหม

ตอนฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆ อย่าหัวเราะเยาะฉัน จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม “ทำไม ทำไม”ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม

ตอนฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมาช่วยพยุงฉัน เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดินในตอนที่เธอยังเล็กๆ

หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่ ให้เวลาฉันคิดสักนิด ที่จริงสำหรับฉันแล้ว กำลังพูดเรื่องอะไรไม่สำคัญหรอก ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน ฉันก็พอใจแล้ว

ตอนเธอเห็นฉันแก่ตัวลง ไม่ต้องเสียใจ ขอให้เข้าใจฉัน สนับสนุนฉัน ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอตอนเธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่ๆ

ตอนนั้นฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต ตอนนี้ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทาง ให้ความรักและอดทนต่อฉัน

ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ ในรอยยิ้มของฉันมีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ของฉันที่มีให้กับเธอ

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

น้ำผลไม้ที่ควรดื่ม ตามกรุ๊ปเลือด

คนเลือดกรุ๊ปโอ
ส่วนมากจะมีกรดในกระเพาะอาหารสูง สามารถย่อยอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ควรกินอาหารจำพวกแป้งมากเกินไป เพราะจะย่อยยาก เสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคอ้วน

เครื่องดื่มที่เหมาะกับเลือดกรุ๊ปโอคือ

• น้ำสับปะรด
• น้ำลูกพรุน

แต่ไม่ควรดื่มน้ำแอปเปิล น้ำส้ม น้ำกะหล่ำปลี